> SET > TISCO

17 เมษายน 2024 เวลา 13:51 น.

'ทรีนีตี้' ส่อง TISCO หลังประกาศงบ Q1/67

#ทันหุ้น - บล.ทรีนีตี้ ส่องหุ้น TISCO กำไร Q1/67 ออกมาตามคาด หลังต้นทุนเงินฝากกดดันอยู่ที่ 1,733 ล้านบาท อ่อนตัว 3%QoQ และ 3%YoY ใกล้เคียงคาด โดยสินเชื่อทรงตัว ส่วน NIM อ่อนตัวลงจากต้นทุนเงินฝากที่สูงขึ้น ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารอ่อนตัวลงตามฤดูกาล ขณะที่กำไรจากเงินลงทุนปรับตัวดีขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ทรงตัว แต่ NPL สูงขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อ High Yield ทั้งปี 67 คาดกำไรทรงตัว YoY โดย NIM อาจอ่อนตัว Upside จากราคาเป้าหมายไม่สูง แต่ปันผลยังค่อนข้างจูงใจ


กำไร Q1/67 ตามคาด ต้นทุนเงินฝากกดดัน


TISCO ประกาศกำไร Q1/67 ที่ 1,733 ล้านบาท อ่อนตัว 3%QoQ และ 3%YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัว 6%QoQ หลังต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นถึง 8%QoQ จากการ Repricing ของเงินฝากประจำ โดยในส่วนของ NIM อ่อนตัวลงถึง 28 bps ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิอ่อนตัว 7%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะในส่วนของค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคาร เช่น ประกันภัย 


ขณะที่กำไรจากเงินลงทุนปรับตัวดีขึ้น ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยรวมปรับตัวดีขึ้น 4%QoQ ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 4%QoQ จากค่าใช้จ่ายในส่วนที่ผันแปรตามรายได้ ส่งผลให้ Cost-to-income ratio ลดลงเหลือ 48.1% ด้านสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.97% จาก 1.87% ใน Q4/66 ซึ่งเป็นผลจากการขยายสินเชื่อไปในกลุ่ม High Yield ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ทรงตัว QoQ ทำให้ NPL Coverage Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 179%


กำไรปี 2567 อาจทำได้แค่ทรงตัว


ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 2567 จะทรงตัวอยู่ที่ราว 7.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเงินฝากประจำที่ทยอยครบกำหนด ด้านระดับ Credit Cost คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค และการขยายสินเชื่อในกลุ่ม High Yield ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดยังอยู่ในระดับสูง จากการขยายสาขาของ “สมหวัง เงินสั่งได้” 


Upside จากราคาหุ้นไม่สูง เด่นที่ปันผล


ฝ่ายวิจัยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 107 บาท อิง PBV 1.88 เท่า ในแง่ Upside จากราคาหุ้นอาจไม่สูงนัก แต่ Dividend Yield ต่อปียังค่อนข้างสูงราว 8% (ปันผล 2H66 อยู่ที่ 5.75 บาท XD 24 เม.ย. 67) จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ส่วนความเสี่ยง แนวโน้ม NIM อ่อนตัว / ภาวะเศรษฐกิจมหภาคและหนี้ครัวเรือน

ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2567 กำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท ลดลง 3.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักที่ลดลง ขณะที่การตั้งสํารองหนี้เสียเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงตามแผนการเร่งขยายธุรกิจ High yield พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เผยเตรียมขึ้น XD 24 เม.ย.


นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท ลดลง 3.3% จากไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า สาเหตุจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในกลุ่มธุรกิจหลักชะลอตัวลง ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ที่ถูกกดดันจากภาวะตลาดทุนที่ยังไม่ฟื้น และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อ่อนตัวลงตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ที่ชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ในประเทศ อีกทั้ง ต้นทุนทางการเงินยังเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง และคาดว่าจะถูกกดดันต่อตลอดทั้งปี


ในส่วนของสินเชื่อรวมขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.2% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยในกลุ่มให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียน “สมหวัง เงินสั่งได้” โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มความรอบคอบและระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงติดตามและดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังเปราะบาง และคุณภาพลูกหนี้ที่อ่อนตัวลง บริษัทเพิ่มระดับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) มาอยู่ที่ 0.5% ของสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงของลูกหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น 


ขณะที่ยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 20.9% ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 7.75 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่อัตรา 2 บาทต่อหุ้น จึงเสนอจ่ายปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.75 บาท พร้อมเตรียมขึ้น XD วันที่ 24 เมษายน 2567 และจ่ายปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567


ในระยะข้างหน้า กลุ่มทิสโก้ ยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ บนเส้นทางการเติบโตอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการรักษาความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และภาระหนี้ของลูกค้า ตลอดจนการใช้ความเป็นมืออาชีพเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้า “วางแผนอนาคต…เพื่อคุณ” เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คนไทย ในฐานะ “Your Trusted Financial Advisor” สถาบันการเงินที่คุณเชื่อมั่นไว้วางใจได้


“ในปีนี้กลุ่มทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ 3% ลดลงจากประมาณการในครั้งก่อนที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5% โดยเป็นการทยอยฟื้นตัวแบบ “ต้นร้าย-ปลายดี” ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่คาดว่าจะทำได้ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป รวมถึงภาคการส่งออกสินค้าที่จะทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจไทยจะมีสัญญาณที่ดี แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีแนวโน้มปรับลดลงในครึ่งหลังของปี และจะช่วยลดภาระต้นทุนดอกเบี้ยได้ในที่สุด


ดังนั้น ในปี 2567 นี้ ทิสโก้ครบรอบ 55 ปี เราจะยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้คนไทย ทั้งเรื่องการวางแผนการเงินให้เกษียณสุข (Social Well-being with Financial Freedom & Security) ควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแก่สังคม ขณะที่กลุ่มธุรกิจบรรษัท จะมุ่งให้บริการทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน การสนับสนุนให้ลูกค้าปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เป็นต้น” นายศักดิ์ชัยกล่าว


สรุปผลประกอบการสำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2567


ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้สำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,733 ล้านบาท ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 สาเหตุมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยชะลอตัวลง ประกอบกับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้น ภาพรวมรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.1% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตได้ 5.4% ตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 


อย่างไรก็ดี ต้นทุนทางการเงินยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของดอกเบี้ยในตลาด ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลง 5.5% เป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัวท่ามกลางภาวะตลาดทุนที่ซบเซา ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อ่อนตัวลงตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ที่ชะลอตัว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.8% ในขณะที่สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.5% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 16.0%


เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีจำนวน 235,218 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 0.2% จากสิ้นปี 2566 จากสินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่และสินเชื่อ SME เป็นหลัก ประกอบกับสินเชื่อจำนำทะเบียน “สมหวัง เงินสั่งได้” ที่ขยายตัวตามแผนการเปิดเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ ในขณะที่บริษัทเพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องมาจากเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางและคุณภาพลูกหนี้อ่อนแอลง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.27% ของสินเชื่อรวม อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงดำเนินนโยบายการบริหารความเสี่ยงและตั้งสำรองอย่างรัดกุม มีระดับค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 177.8%


ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 20.9% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.7% และ 2.1% ตามลำดับ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X