> SET >

18 เมษายน 2024 เวลา 16:22 น.

“จุลพันธ์” ออกโรงแจง “หุ้นตก-บาทอ่อน” เกิดจากปัญหาสงคราม ไม่เกี่ยวดิจิทัลวอลเล็ต

#ทันหุ้น - “จุลพันธ์”ออกโรงแจง“หุ้นตก-บาทอ่อน” เกิดจากปัจจัยภายนอกไม่เกี่ยวปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่สั่งตั้งทีมเกาะติดสมรภูมิตะวันออกกลางกระทบเศรษฐกิจ


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีค่าบาทอ่อนและตลาดหุ้นตกลงมากในช่วงนี้ว่า เรื่องนี้เกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งมาจากปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งก็เป็นไปตามวัฎจักร โดยหุ้นตก ค่าบาทอ่อนไม่ได้มาจากปัจจัยภายในประเทศ หรือปัญหาความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับโครงการของรัฐ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดว่าจะมีผลกระทบต่อไทยอย่างไร 


ขณะที่เรื่องราคาน้ำมัน ก็มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคอยกำกับดูแลอยู่ โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง ยังไม่ได้มีการต่ออายุลดภาษีดีเซลเพิ่มเติมในขณะนี้


นายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้ติดตามและประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างใกล้ชิดตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เม.ย.67 โดย สศค. ประเมินว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งที่อยู่ในวงจำกัดและการหาทางออกของความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ ทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น 


ทั้งนี้ ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะเกิดขึ้นในด้านต่างๆ ดังนี้  ตลาดเงินและตลาดทุนโลกและไทยที่มีความผันผวน โดยจะเห็นได้ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกมีความผันผวนที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักของโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดสงกรานต์ของไทย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นสะท้อนการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปสู่สินทรัพย์หลักที่นักลงทุนประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ  


ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า ราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลังเหตุการณ์ความขัดแย้ง แต่ภายหลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันดิบได้ลดลงอยู่ 85 - 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับช่วงก่อนเกิดเหตุ ซึ่งอิหร่านมีสัดส่วนส่งออกน้ำมันดิบเพียง 1.5% ของทั้งโลก จึงประเมินหากสถานการณ์ความขัดแย้งไม่ลุกลามจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ 


ด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยได้รับผลกระทบน้อย มีสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศอิสราเอลและอิหร่านเพียง 0.27% และ 0.05% ของมูลค่าการส่งออก ขณะที่การนำเข้าของไทยจากประเทศอิสราเอลและอิหร่านมีสัดส่วนที่ต่ำ ด้านการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบน้อยเพราะมีสัดส่วนทั้งจำนวนและรายได้เพียง 1%  เช่นเดียวกับเรื่องการลงทุนของไทยกับอิสราเอลและอิหร่านยังมีมูลค่าที่น้อย  โดยเงินลงทุนโดยตรงจากอิหร่านในไทย ปี 66 มีมูลค่า 16.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การลงทุนระหว่างไทยและกลุ่มตะวันออกกลาง มีมูลค่า 714.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X