ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปตามเป้า ส่วนไตรมาส 2/2567 อาจจะต้องติดตามเรื่องค่าเงินบาท เพราะปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในทิศทางอ่อนค่า จากต้นปีที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์
อีกทั้งความไม่ชัดเจนเรื่องอัตราดอกเบี้ย อาจจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการขยายธุรกิจ และการขายสินค้าของบริษัท ส่วนสงครามต่างประเทศ อาจจะกระทบต่อเรื่องการขนส่ง และต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งไกลกว่าปกติ ทำให้ต้นทุนอาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการทำกำไร(มาร์จิ้น) ให้ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา
และบริษัทจะพยายามจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษให้กับรายใหญ่ มากว่ารายย่อย เพราะลดความเสี่ยงเรื่องเครดิต และการชำระเงิน
สำหรับกลยุทธ์การขายสินค้าเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ บริษัทจะเดินหน้าขายสินค้าทุกกลุ่ม เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมทุกอุตสาหกรรมกลับมาผลิตเป็นปกติ และมีดีมานด์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษเข้ามาทุกกลุ่ม พร้อมกันนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มโรงงาน หรืออุตสาหกรรมที่ต้องการพยายามลดคาร์บอนเครดิต เช่น โรงงานผลิตปูน เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลดภาวะมลพิษและการผลิตต่างๆ
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมองทิศทางรายได้จะดีกว่าปีก่อน ซึ่งมองการเติบโตแบบ Organic อยู่ที่ 20% โดยบริษัทมีฐานลูกค้าหรือบิ๊กดาต้าอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทจะนำโปรดักต์ไปกระจายให้เข้าถึงลูกค้า และจะขยายทีมเซลส์เพื่อสร้างการเติบโต
ดร.วิทยา กล่าวต่อว่า บริษัทจะโฟกัสธุรกิจที่บริษัทเข้าลงทุนก่อนหน้านี้ ทั้งธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศ สิงคโปร์ JIOS AEROGEL HOLDINGS PTE. LTD. ผู้ผลิตและจำหน่ายฉนวนกันความร้อนแบตเตอรีรถยนต์อีวี (ถือไม่ต่ำกว่า 5%) โดยใช้เงินลงทุนราว 74 ล้านบาท โดยเล็งเห็นว่าปัจจุบันรถยนต์อีวีมีการเติบโตค่อนข้างมาก และความปลอดภัยต้องมีในระดับสูง ฉนวนกันความร้อนแบตเตอรี จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตรถยนต์อีวี ซึ่งบริษัทต้องการยอดธุรกิจ และสร้างฐานการเติบโตกับกระแสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ในประเทศเกาหลี ABio Materials Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตสเต็มเซลล์ (ถือหุ้นราว 8-9%) เพื่อทำธุรกิจความงามในอนาคต
อนึ่ง ผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ที่ 970.76 ล้านบาท จากปีก่อน 1,056.50 ล้านบาท ลดลง 85.74 ล้านบาท หรือลดลง 8.12% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 91.51 ล้านบาท จากปีก่อน 85.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.53%
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม