ทันหุ้น – PK ส่งซิกครึ่งปีหลังผลงานโตแรง หลังเริ่มมีสัณญาณบวก จากออเดอร์ของลูกค้าไทยและต่างชาติเริ่มกลับมามากขึ้น –ขณะที่ปัจจุบันมี Backlog ราว 2,300 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ทั้งหมด เร่งปรับแผนเจาะตลาดใหม่ เล็งเพิ่มวอลุ่มการขายในยุโรป-สหรัฐอเมริกา ชดเชยกลุ่มลูกค้าอาเซียน ส่วนรายได้ปีนี้คาดไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น จากคำสั่งซื้อที่ทยอยกลับเข้ามา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาจากสาเหตุใหญ่ คือ สงครามการค้าจีนและสหรัฐ ซึ่งทำให้กระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน
ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นแถบอาเซียนที่หยุดการลงทุนไปในช่วงดังกล่าว ส่งผลให้ครึ่งปีแรก ยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของรายได้ปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท จากที่เคยวางเป้าหมายไว้ ส่วนปีก่อนมีรายได้ 4,731 ล้านบาท
*ขยายตาดใน-นอก
ขณะที่กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าจากในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น และจะส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมอาหาร ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น และนอกจากนี้บริษัทได้ ขยายช่องทางการขายไปยัง ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรปเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งเซลล์ออฟฟิศในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว เพื่อชดเชยรายได้จากกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ กลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ราว 80% ซึ่งในปีนี้คาดว่าลดลงมาอยู่ที่ 70% ทั้งนี้มองว่าตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป มีขนาดใหญ่และมีความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องจักรประเภททำความเย็น รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปและการผลิตอาหารประเภทต่างๆ อาทิ กลุ่มผลิตอาหารแช่แข็งเป็นต้น
*รับรู้ Backlog 2.3 พันล.
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะมีออเดอร์เพิ่มเข้ามามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) แล้ว 2,300 ล้านบาท ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการทยอยส่งหมอบสินค้าไปแล้วบางส่วน และคาดว่าจะสามารถรับรู้ทั้งหมดได้ภายในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมผลิตได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 โดยในช่วงแรกคาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้ราย 5-10% และคาดว่าจะเพิ่มยอดขายในอนาคตได้ไม่น้อยกว่า 15-20% ส่วนความคืบหน้าการลงทุนขยายโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2562 และจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563 เป็นต้นไป ประเมินใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านบาท