ทันหุ้น - MEGA ลุยสร้างฐานผลิต “เมียนมา” พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เผยทิศทางไตรมาส 2/2562 ผลงานเติบโตต่อเนื่อง เป็นไปตามการขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้า และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ Mega We car และแบรนด์ Maxx Care ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตได้ตามเป้า 8-10% นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผยว่า บริษัทได้วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 1,100 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตยาที่ประเทศเมียนมาร์มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรในประเทศอินเดีย คือ บริษัท MSN Laboratories Private Limited (India) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย ซึ่งแต่ละฝ่ายจะถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 เพื่อยกระดับโรงงานผลิตยาระดับโลก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาใหม่ ขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับโรคเนื้องอก (มะเร็ง) โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ เป็นต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน คาดว่าจะเริ่มผลิตและวางจำหน่ายได้ในปี 2565 อีกส่วนจะลงทุนก่อสร้างโรงงานที่บางปู มูลค่า ราว 500 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งคลังสินค้าที่ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว แรวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นปี2563 หลังจากนั้นบริษัทจะให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาตรวจสอบมาตรฐาน และคุณภาพในช่วงไตรมาส 2/2563 ก่อนเริ่มกระบวนการผลิตได้ นอกจากนนี้มีแผนสร้างโรงงานพัฒนายาชนิดใหม่ ซึ่งเป็นยาชนิดลิขวิดโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง นายวิเวก  กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของเงินลงทุนจะมาจากเงิน IPO ที่ยังคงเหลืออยู่ และมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯรวมถึงอาจมีกู้สถาบันการเงิน ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.6 เท่า มั่นใจโต8-10% สำหรับภาพรวมการเติบโตบริษัทวางเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 8-10% เทียบกับผลการดำเนินงานปี 2561 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 10,456 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,206 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/2562 ก็คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยสาเหตุการเติบโตมาจากการขยายตลาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายมใต้แบรนด์เมก้าวีแคร์ (Mega We care) และ Maxx care อีกทั้งบริษัทยังมีการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ (OEM) และทำการตลาด ขายผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์ยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สุขภาพภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We CareTM ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของบริษัทและผู้จัดจำหน่ายภายนอกใน 29 ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้บริษัทได้ยังคงมุ่งเน้นใน 5 ประเทศหลัก คือ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย  ขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมาบริษัท ก็ได้มีการขยายตลาดเข้าไปในประเทศใหม่จำนวน 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศโคลัมเบีย และเอธิโอเปีย ก็คาดว่าในปีนี้จะสามารถเห็นยอดขายเข้ามาเพิ่มขึ้น ออกสินค้าใหม่เพิ่ม ปีนี้บริษัทคาดว่าจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ 8-10 รายการ และยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างพัฒนาถึง 70 กว่าผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับกับเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรง รวมถึงบริษัทเห็นเทรนวีแกน (กลุ่มมังสวิรัส) กำลังมาแรงก็พยายามผลิตยา วิตามิน รวมถึงยาสามัญประจำบ้านที่ใช้สมุนไพรมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าประเภทดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2562 ของ MEGA จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนโดยทั้งธุรกิจ Maxxcare และ Mega We Care โดยธุรกิจ Maxxcare คาดได้ปัจจัยหนุนจากศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ในเมียนมาร์ ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 นอกจากนี้ ธุรกิจ Mega We Care คาดได้ปัจจัยบวกจากการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นในช่วงวันหยุดยาวในไทย การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายตลาดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ราว 8-10 ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งคาดกลยุทธ์ของบริษัทในการรุกเข้าตลาดใหม่ เช่น ประเทศโคลอมเบียและเอธิโอเปีย ซึ่งบริษัทตั้งสำนักงานตัวแทนในไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์การเพิ่มทีมงานการตลาดใหม่ต่อเนื่อง จะค่อย ๆ ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 1,318 ล้านบาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 42 บาท