ทันหุ้น –TKS โบรกส่องผลงานครึ่งปีหลัง 2562 ดีขึ้น เพราะเข้าสู่ High Season และลุ้นงานภาครัฐ ขณะที่ธุรกิจของ TBSP หนุน ส่วนปี 2563 จะเป็นปีเก็บเกี่ยวธุรกิจใหม่ ๆ และยังมีงานโครงการที่จะเข้ามา ปรับราคาพื้นฐานปี 2563 เป็น 11.50 บาท เชียร์ “ซื้อ” บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในกลุ่มโรงพิมพ์ (TKS และ TBSP) มี Backlog สิ้น ไตรมาส 2/2562 ราว 700 ล้านบาท ที่จะรับรู้ในครึ่งปีหลัง 2562 และปกติจะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ โดยคาดจะเห็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่มากขึ้น เช่น ธุรกิจโซลูชั่นจัดการข้อมูลดิจิทัล ธุรกิจฉลากป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจให้บริการจัดการด้านโรงงานอัฉริยะของ TBSP ในขณะที่ธุรกิจเดิมอย่างบัตรพลาสติก และงานพิมพ์กันการปลอมแปลงยังเติบโตได้ โดยเฉพาะบัตรพลาสติกประเภทบัตรเครดิตและเดบิตที่มีการเลื่อนงานมาในครึ่งปีหลัง และไตรมาส 4/2562 ที่จะมีการประมูลทั้งงานภาครัฐและเอกชน *ลุ้นรับงานภาครัฐ ส่วน TKS มีงานพิมพ์แสตมป์ของร้านค้าปลีกและงานพิมพ์ข้อสอบของหน่วยราชการโดยมีลุ้นการเลือกตั้งท้องถิ่นใน ไตรมาส 4/2562 หลังไม่ได้เลือกตั้งมา 5 ปี ทั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น สภาตำบลและเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด การบริหารราชการกรุงเทพฯ และการบริหารราชการเมืองพัทยา ที่อยู่ระหว่าง กกต. พิจารณา และสินค้าใหม่ Printed Electronic ที่จะเป็นสินค้าในอนาคต (การพิมพ์หมึกหรือโพลิเมอร์ที่นำไฟฟ้า ตรวจสอบได้ว่าสินค้าเป็นของจริงหรือปลอม) ปัจจุบันพัฒนาไปกว่า 90% กับเครื่องสำอางค์ Dr.Jill หากทันจะเริ่มมีรายได้ในไตรมาส 4/2562 ทางด้าน SYNEX ครึ่งปีหลังเป็น High Season เช่นกัน โดยในไตรมาส 3/2562 เห็นการฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2562และ Huawei มีการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ รวมถึงออก OS ใหม่ Harmony เพื่อใช้กับสินค้าของ Huawei และไตรมาส 4/2562 เป็น Peak ของ SYNEX โดยจะหันมาเน้นสินค้า IT ที่มีสัดส่วน 60% ของรายได้ให้มากขึ้นและเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นดี รวมถึงมีสินค้าใหม่ๆ มานำเสนอ ชดเชยสินค้าโทรศัพท์มือถือที่ชะลอตัว การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ SYNEX จะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก *ราคาพื้นฐาน 11.50 บาท อย่างไรก็ตาม คาด TKS จะพลิกเป็นบวกในครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2561 มีขาดทุน 62 ล้านบาท เพราะมีด้อยค่าเงินลงทุนใน TBSP ที่ 212 ล้านบาท และฟื้นตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก 2562 อย่างไรก็ตาม TBSP ที่กลับมามีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอีกครั้ง จึงปรับต้นทุนและค่าใช้จ่ายขึ้น คาดในปี 2562 รายได้ที่ 2,401 ล้านบาท และปรับกำไรลงเป็น 434 ล้านบาท +34.5% จากปีก่อน และในปี 2563 คาดรายได้ที่ 2,619 ล้านบาท และคาดกำไรที่ 441 ล้านบาท +1.6% เพราะไม่มีกำไรพิเศษขายสินทรัพย์ คาดปันผล 0.70 บาท ราคาหุ้นยังมี Upside และ yield ที่สูง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 2563 อยู่ที่ 11.50 บาท อิงบน P/E 12 เท่า