สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า หุ้นบริษัท เอสวีไอ จำกัด(มหาชน) หรือ SVI ปรับตัวขึ้นแรงบวก 10.58% หลังคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.9282 บาท คิดเป็น Yield ที่สูงถึง 37% โบรกเกอร์แนะนำเพียงเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/62 จะไม่สดใส เนื่องจากปัจจัยค่าบาทยังกดดัน และอยู่ระหว่างปรับลดกำไรรวมถึงราคาเป้าหมายลง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SVI เช้านี้อยู่ที่ 5.75 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 10.58% โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 6.00 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 73.75 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อรับเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.9282 บาท คิดเป็น Yield ที่สูงถึง 37% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 19 ธ.ค. และจ่ายเงิน 30 ธ.ค. นี้  ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวคิดเป็น 4.2 พันล้านบาท จ่ายจากกำไร 9 เดือนแรกปีนี้ กำไรสะสม และการกู้ 2.8 พันล้านบาท และเป็นการจ่ายหลังจากนายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำทำ tender offer แล้วเสร็จ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 72.54% จาก 44.71%

ขณะที่ผู้บริหารแจ้งว่าจะไม่ delist หุ้นออกจากตลาดฯภายใน 12 เดือนนับจากทำเทนเดอร์แล้วเสร็จ และไม่มีแผนเปลี่ยนนโยบายอย่างมีนัยยะเว้นแต่มีกรณีจำเป็น อย่างไรก็ตามแนะนำเพียงเก็งกำไรเพราะปัจจัยพื้นฐานไม่สดใส คาดผลประกอบการไตรมาส 4/62  แย่ต่อและยังเผชิญกับบาทแข็ง โดยฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาเป้าหมาย

**คาด"พงษ์ศักดิ์"รับปันผลราว 3 พันลบ.

ด้านบล.กสิกรไทย แนะนำขาย การที่ SVI มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินที่ 12 เท่า ของกำไรสุทธิของ SVI ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ได้ตั้งข้อสงสัยว่านายพงษ์ศักดิ์ ผู้บริหารของ SVI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการอนุมัติการขอกู้ยืมเงิน เพื่อนำมาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอิงจากสัดส่วนการถือหุ้นใน SVI ที่ 72.54% ดังนั้น นายพงษ์ศักดิ์จะได้รับเงินปันผลระหว่างกาลที่ 3.0 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่านายพงษ์ศักดิ์จะนำเงินที่ได้รับมาชำระคืนหนี้สินกู้มาจาก KBANK สำหรับการทำคำเสนอหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (CVTO) จำนวน 577.7 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.85 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 2.8 พันล้านบาท

โดยยังคงคำแนะนำ "ขาย" SVI เนื่องจากมองเห็น downside risk ต่อราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยเนื่องจากราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำก่อน CVTO ที่ 3.24 บาท เป็น 5.20 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินปันผลระหว่างกาลที่ 1.9282 บาท แม้เงินปันผลคิดเป็นอัตราตอบแทนที่ 37% เมื่อเทียบกับราคาหุ้นล่าสุด แต่มองว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะซื้อหุ้นเพื่อเก็บสะสมในราคาหุ้นขณะนี้ เนื่องจากคาดว่าราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการ

SVI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเข้าทำสัญญาสินเชื่อระยะยาวกับธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ในวงเงินรวมไม่เกิน 2.8 พันล้านบาท มีระยะเวลาการกู้ยืม 4 ปี อัตราดอกเบี้ย THBFIX+อัตราคงที่ โดยมีบริษัทย่อยทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเงินที่กู้ดังกล่าว เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้อนุม้ติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.ถึง 30 ก.ย.2562 และกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้น ในจำนวนทั้งสิ้น 4,151.8 ล้านบาท หรือในอัตราหุ้นละ 1.9282 บาท คิดเป็น 792.3% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ของบริษัท สำหรับการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) ในวันที่ 19 ธ.ค.2562  และกำหนดให้วันที่ 20 ธ.ค.2562 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 ธ.ค.2562