สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บล.ไทยพาณิชย์ สแกน "กลุ่มการแพทย์" ระบุเมื่อวานนี้ราคาหุ้น BCH ร่วงลง 8% และราคาหุ้น CHG ร่วงลง 6% เพราะความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดค่าเหมาจ่าย SC สำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ใน Q4/62 ประเมินผลกระทบต่อกำไรปี 2562 ได้ที่ ~5% สำหรับ BCH และ ~4% สำหรับ CHG เชื่อว่าผลกระทบจากงบประมาณรวมไม่เพียงพอที่ส่งผลทำให้กำไรผันผวนจะลดน้อยลง ภายหลังการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BCH และ CHG และมองว่าราคาหุ้นที่ร่วงแรงเกินไปเปิดโอกาสให้เข้าซื้อ

ลดค่าเหมาจ่ายสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ใน Q4/62 สำนักงานประกันสังคมได้ทำหนังสือถึงสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม (SC) ทุกแห่ง ว่าได้ปรับลดค่าเหมาจ่ายสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ใน Q4/62 ลงสู่ 7,100 บาท/RW ต่ำกว่าอัตราที่ประกาศไว้ที่ 12,800 บาท/RW เนื่องจากงบประมาณรวมไม่เพียงพอ ค่าเหมาจ่ายสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) คิดเป็นสัดส่วน 22% ของงบประมาณ SC ทั้งหมด 

เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน Q4/60 ซึ่งมีการปรับลดค่าเหมาจ่ายจริงลงสู่ 10,200 บาท/RW และใน Q4/61 ซึ่งมีการปรับลดค่าเหมาจ่ายจริงลงสู่ 8,100 บาท/RW โรงพยาบาลได้รับแจ้งถึงการปรับลดค่าเหมาจ่ายสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) หลังจากให้บริการไปแล้ว 6 เดือน ส่งผลทำให้ BCH ต้องตั้งสำรองใน Q2/61 และ Q2/62 และ CHG ต้อง write off รายได้ SC ใน Q2/61 และ Q2/62 สำหรับการปรับลดค่าเหมาจ่ายครั้งล่าสุด เราประเมินผลกระทบต่อกำไรในเบื้องต้นได้ที่ ~70 ลบ. หรือ ~5% ของประมาณการกำไรปี 2562 ของ BCH และ ~30 ลบ. หรือ ~4% ของประมาณการกำไรปี 2562 ของ CHG

ความเสี่ยงจะลดลงหลังจากปรับเพิ่มค่าเหมาจ่าย เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เราเชื่อว่าผลกระทบจากงบประมาณรวมไม่เพียงพอที่ส่งผลทำให้กำไรผันผวนจะลดน้อยลง ภายหลังการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2563 การปรับเพิ่มค่าเหมาจ่าย SC ครั้งล่าสุดอยู่ที่ 6.5% ในเดือนก.ค. 2560 และเราเล็งเห็นโอกาสที่จะมีการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายอีกครั้งเพื่อให้โรงพยาบาลยังคงอยู่ในโครงการประกันสังคม เนื่องจากโรงพยาบาลส่วนหนึ่งถอนตัวออกจากโครงการนี้ เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุน 

ในขณะที่จำนวนผู้ประกันตนนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคมแสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นสู่ 16.5 ล้านคนในเดือน พ.ย. 2562 เพิ่มขึ้น 77% จาก 9.4 ล้านคนในปี 2552 ในขณะที่จำนวนโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยประกันสังคมลดลง 5% ในช่วงเวลาดังกล่าว การวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่าการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่าย SC อีก 10% จะช่วยหนุนให้ประมาณการกำไรปี 2563 ของ BCH และ CHG  ปรับขึ้นได้อีก 8%

ราคาหุ้นที่ร่วงแรงเกินไปเปิดโอกาสให้เข้าซื้อ เมื่อวานนี้ราคาหุ้น BCH ร่วงลง 8% และราคาหุ้น CHG ร่วงลง 6% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับลดค่าเหมาจ่าย SC สำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) จะส่งผลกระทบทำให้กำไร Q4/62 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ นอกจากนี้ยังอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาบางส่วนด้วย เนื่องจากหุ้นสองตัวนี้ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดใน Q4/62 (+8% สำหรับ BCH และ +5% สำหรับ CHG เทียบกับ -4% สำหรับ SET) 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นแล้วและมองว่าราคาหุ้นที่ร่วงแรงเกินไปเปิดโอกาสให้เข้าซื้อ: BCH ซื้อขายที่ PE ปี 2563 ระดับ 28 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคอยู่ 9% และ CHG ซื้อขายที่ PE ปี 2563 ระดับ 31 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BCH (ราคาเป้าหมาย 20.5 บาท/หุ้น) และ CHG (ราคาเป้าหมาย 2.8 บาท /หุ้น)