> SET > GPSC

09 มกราคม 2020 เวลา 07:30 น.

GPSCเร่งปิดดีลเมียนมา ลุยโรงไฟฟ้า600เมกะวัตต์

ทันหุ้น–GPSC เผยผลงานปี 2563 โตต่อเนื่อง หลังปรับโครงสร้างหนี้ เดินหน้าจ่ายไฟเข้าระบบตามแผน เล็งขายไฟเพิ่ม 18 เมกะวัตต์ แย้มโครงการ Gas to Power ในเมียนมา กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ใกล้สรุปแล้ว ฟากโบรกมองกำไรต่อหุ้นโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 22% พร้อมมี PTT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หนุนโอกาสขยายกิจการทั้งใน-ตปท.


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง จากโครงการพลังงานเดิมที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) แล้ว และโครงการใหม่ที่จ่ายไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้ โดยปีนี้จะ COD เพิ่มอีก 1 โครงการ ได้แก่โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร ส่วนขยาย (NNEG Expansion) กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ รวมไปถึงยังเดินหน้าในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า Rayong Waste to Energy (WTE) กำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบปี 2564 นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัททำให้ภาพรวมผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น


ขณะที่ความคืบหน้าโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ยื่นหนังสือเพื่อขอพัฒนาโรงไฟฟ้าขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง เช่นในกลุ่ม CLMV


“ปีนี้ผลประกอบการก็น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง มีการปรับโครงสร้างหนี้ รวมไปถึงโครงการที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบก็เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ ส่วนโครงการในเมียนมาก็ใกล้ถึงจุดไคล์แม๊กซ์แล้ว “นายชวลิต กล่าว


*ต้นทุนการเงินลดลง

ก่อนหน้านี้ นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและบัญชีองค์กร GPSC เปิดเผยว่า ในปี2563 ต้นทุนการเงินของบริษัทจะลดลง หลังจากมีการออกหุ้นกู้วงเงิน 35,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้เฉลี่ย 9.6 ปี ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงเหลือ 2.9% และส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายปีหน้าลดลงเหลือเพียง 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่ 3,000 ล้านบาท โดยภาระดอกเบี้ยจ่ายระดับสูงในปีนี้ทำให้ผลประกอบการของบริษัททรงตัวจากปีก่อน


อีกทั้งเร็วๆ นี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าในการตัดสินใจว่าจะมีการตั้งโรงงานการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ที่ช่วยให้มีประสิทธิภาพที่จะแข่งขันได้ในธุรกิจแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน (ESS) ในระยะยาว รวมถึงหาพันธมิตรต่างประเทศที่จะเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งการเดินหน้าทำ Energy Storage เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท


พร้อมกันนี้ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวด้วยการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System : ESS) นำร่อง (Pilot Project ) ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้าน คาเฟ่ อเมซอน สาขาศูนย์วิจัยวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นแห่งแรก ที่สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายที่จะติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้าน คาเฟ่ อเมซอน เพื่อการศึกษาและพัฒนาระบบ สมาร์ท เอนเนอยี่ โซลูชั่น (Smart Energy Solution) เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง คือ สถานีน้ำมัน สาขามีนบุรี และ สาขาจอมเทียน พัทยา คาดว่าจะเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2563


ทั้งนี้นวัตกรรมดังกล่าว เป็นระบบ สมาร์ท เอนเนอยี่ โซลูชั่น ที่ประกอบด้วยโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) ระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่ง GPSC จะออกแบบการติดตั้งระบบที่คำนึงถึงโครงสร้างของอาคาร ที่สามารถรองรับการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา รวมถึงการประเมินปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การออกแบบระบบการกักเก็บพลังงานให้เหมาะสม


*มองกำไรโตต่อเนื่อง 3 ปี

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุถึง GPSC ว่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 98 บาท โดยคาดกำไรต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 22% ในช่วง 3 ปี (2563-2565) โดยที่บริษัทเป็นผู้นำโรงไฟฟ้า SPP (ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก) ของไทยนอกจากนี้กำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างมั่นคงขึ้น เนื่องจาก ผลประโยชน์จากการเข้าซื้อ GLOW รวมถึงการขายไฟของไซยะบุรี ซึ่งโดยรวมแล้วจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเติบโตสูงกว่า 3 เท่าตัวที่ 4.7 GWe


ทั้งนี้ด้วยการที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็น PTT ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศที่กลุ่ม PTT เข้าไปลงทุนรวมถึงเชื่อว่าจะเกิดการทำงานร่วมกันในกลุ่ม

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X