ทันหุ้น – TISCO นำร่องกลุ่มแบงก์แจ้งผลประกอบการปี 2562 มีกำไรสุทธิ 7,270 ล้านบาท เติบโต 3.6% ส่วนผลงานไตรมาส 4/2562 ทำกำไรสุทธิ 1,865 ล้านบาท หรือเติบโต 8.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า จากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักขยายตัว ทั้งรายได้ค่านายหน้าธุรกิจประกันภัย และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือTISCO เปิดเผยว่าผลการดำเนินงาน ในปี 2562 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 7,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 255 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.6% ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ของปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 139 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.1%
โดยผลกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักที่ขยายตัว ทั้งรายได้ค่านายหน้าธุรกิจประกันภัย และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน
ตั้งสำรองหนี้สูญลดลง
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 7,270ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง โดยรายได้รวมปรับตัวลดลง จากการลดลงของกำไรพิเศษจากเงินลงทุนซึ่งรับรู้ในช่วงปี 2561 ส่วนรายได้จากธุรกิจหลักปรับตัวดีขึ้น 0.5%โดยสาเหตุหลักมาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนจากการบริหารกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ดี
อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมจากเงินให้สินเชื่อปรับตัวลดลง เป็นไปตามเกณฑ์การควบคุมค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.9% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับค่าใช้จ่ายชดเชยด้านพนักงานเกษียณอายุตามกฎหมายฉบับใหม่
นอกจากนี้บริษัทตั้งสำรองหนี้สูญลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่เงินสำรองยังอยู่ในระดับที่เพียงพอและพร้อมสำหรับการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 (TFRS 9) ซึ่งเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 มกราคม 2563 แล้ว ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น(ROE) เฉลี่ยในระดับสูงที่ 18.9%
พอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น
สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีจำนวน 242,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยสินเชื่อจำนำทะเบียน ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจและการขยายสาขาสำนักอำนวยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.4%และมีระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ที่ 176.6%ส่วนอัตราส่วนของเงินสำรองรวมของธนาคารต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 216.5%
“ธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้สามารถเติบโตได้ที่ระดับ 1%จากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยเฉพาะสินเชื่อที่ปล่อยผ่านช่องทาง “สมหวัง เงินสั่งได้” ตามแผนการขยายเครือข่ายสาขาไปทั่วประเทศ โดยยังคงตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 50 สาขาทั่วประเทศ”
ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 22.4% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 17.6% และ 4.8% ตามลำดับ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม