ทันหุ้น-CPF เผยบ.ย่อยCPP ในฮ่องกงจ่อทำกำไรปี 2562 ที่ 330-350 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 282 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2561 จากราคาหมูในเวียดนามสูง โบรกจับตางบไตรมาส4/2562 สดใส แถมแนวโน้มระยะยาวราคาหมูหนุนผลงานโตต่อเนื่อง

นางกอบบุญ ศรีชัย เลขานุการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF  รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัท ซี.พี.โภคภัณฑ์ จำกัด (C.P. Pokphand Co., Ltd.) หรือ CPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 52.24 ของหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว (หรือคิดเป็นร้อยละ 49.74 ของหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว) และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) เปิดเผยข่าวเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรเชิงบวก (Positive Profit Alert)ตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของ HKEX

ทั้งนี้ CPP รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ระบุว่า ในปี 2562 บริษัทมีประมาณการ ผลกำไรเบื้องต้นที่ 330-350 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยราคาสุกรเพิ่มสูงขึ้นในประเทศเวียดนาม เทียบกับปี 2561 ที่กำไรได้ 282 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

คาดกำไรQ4/62ยังดี

บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด คาดผลดำเนินงานไตรมาส4/2562 ของCPF จะมีกำไรสุทธิ 5,450 ล้านบาท อ่อนตัว 10%จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโต 225% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่นับรวมรายการพิเศษคาดกำไรปกติที่ 3,181 ล้านบาท อ่อนตัว 1% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโต 61%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวโน้มผลการดำเนินงานโดยรวมค่อนข้างดี แม้ว่าจะผ่านช่วง High Season ของธุรกิจไปแล้ว

โดยมีปัจจัยบวกหลักมาจากราคาหมูเวียดนามที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก (ขึ้นไปถึง 80,000 ดอง/กก. ในบางพื้นที่) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในเวียดนามพุ่งสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามราคาสัตว์บกในไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน โดยราคาไก่หน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 35.33 บาท/กก. (-3%QoQ) และราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 60.33 บาท (-8%QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในไทยอ่อนตัวลงเล็กน้อย อีกปัจจัยกดดันที่ทำให้กำไรอ่อนตัว QoQ มาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงปลายปีซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล

ราคาหมูเวียดนามหนุนต่อ

ทั้งนี้แนวโน้มราคาหมูในเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความเสียหายจากโรค ASF ทำให้ปริมาณการเลี้ยงลดลง และคาดว่าผลกระทบจากการเทขายหมูของเกษตรกรหมดไปแล้ว สำหรับราคาสัตว์บกในไทยคาดว่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะราคาหมูเนื่องจากผู้เลี้ยงหมูมีความกังวลต่อโรค ASF และยังมีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปริมาณการเลี้ยงลดลง อีกทั้งการขาดแคลนเนื้อหมูในจีนและเวียดนามทำให้การส่งออกตามชายแดนเพิ่มสูงขึ้นด้วย ด้วยราคาหมูในเวียดนามและไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2563 ขึ้นราว 14% จากประมาณการก่อนหน้า

จากประมาณการกำไรใหม่ จึงปรับราคาเป้าหมายปี2563 เป็น 38 บาท อิง PBV 1.7 เท่า ซึ่งยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน คงคำแนะนำ "ซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)  จำกัด มองแนวโน้มไตรมาส1/2563 ราคาหมูในประเทศคาดว่าจะอยู่ในช่วง 75 - 80บาท/ก.ก. ราคาไก่ในประเทศอยู่ที่ราว 36 - 40 บาท/ก.ก. และราคาหมูเวียดนามคาดไม่ต่ำกว่า 80,000 ดอง/ก.ก. เป็นการเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ในทุกธุรกิจ ผนวกกับเป็นไตรมาสแรกของการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Hylife ซึ่งปี 2562 คาดว่าจะทำกำไรราว 2,000 ล้านบาท แต่ปี 2563 ประมาณการไว้เพียง 1,400 ล้านบาท เป็น Upside ต่อประมาณการนอกเหนือจากราคาหมู โดย CPF ถือหุ้น 50.1%ทำให้แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส1/2563 อาจทำได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทและเป็นระดับสูงสุดใหม่

แนะซื้อ -เป้าหมาย 39 บาท

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) เป็นสาเหตุหลักทำให้เกษตรกรในประเทศที่ขายหมูไปแล้วชะลอการเลี้ยงเพราะยังไม่มั่นใจสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ลงเลี้ยงใหม่ในรอบนี้ต้องรอถึงต้นปี 2564เป็นอย่างเร็วจึงจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดได้ เพราะภัยแล้งทำให้การเลี้ยงถูกชะลอออกไป ส่วนในเวียดนามหากใช้จีนเป็นกรณีศึกษาหมูในจีนอยู่ที่ราว 200 บาท/ก.ก. เทียบเท่าราว 150,000 ดอง/ก.ก. และยืนสูงกว่า 150 บาท/ก.ก. ได้นานปีนี้เข้าสูปีที่ 2 โดยที่รัฐบาลสามารถแทรกแซงราคาได้จำกัด

จึงเชื่อว่าเวียดนามราคาหมูยังสามารถขยับขึ้นได้อีก และทรงตัวสูงได้อีกอย่างน้อยถึงปี 2564เพราะจำนวนประชากรหมูลดลงตั้งแต่ระดับต้นน้ำ คือ ปู่ย่า และพ่อแม่พันธุ์ลดจำนวนลงการฟื้นปริมาณหมูจึงช้ากว่าปกติ และการเลี้ยงใหม่ถูกรัฐบาลควบคุมมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาดของ ASF ยังคงมุมมองบวกมากต่อ Cycle รอบใหญ่ที่สุด และยาวนานนี้ ส่งผลบวกมากต่อ CPF คงคำแนะนำ ซื้อ ให้เป็น Top pick ปี 2563 ราคาเป้าหมาย 39 บาท มีโอกาสปรับขึ้น