สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) สแกน "กลุ่มโรงพยาบาล" ระบุ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ดูจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ จากรายงานของทางการจีนเมื่อวันที่ 24 มกราคม2563พบว่าจนถึงวันที่ 23 มกราคม 2563 มีผู้ติดเชื้อในประเทศจีน 830 รายซึ่งมีการพบในพื้นที่อื่นๆ ของจีนเช่นกันอาทิเซี่ยงไฮ้ปักกิ่งเจ้อเจียงฮาร์บินโดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 25 รายและยังมีผู้ที่มีความเสี่ยงซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม 9,507 รายจากกรณีดังกล่าวจึงประเมินว่าอาจกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งล่าสุดประเทศจีนประกาศให้บริษัททัวร์หยุดการนำนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกจากประเทศไปยังทุกประเทศทั่วโลกเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นระยะเวลา 2 เดือนให้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.63
ฝ่ายวิจัย มองเป็นกลางต่อกลุ่มโรงพยาบาลหากอิงจากข้อมูลในอดีตในช่วงที่โรค SARS และ MERS ระบาดในปี 2446 (มี.ค– พ.ค) และปี 2559 (ม.ค -ก.ค) ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะปรับตัวลดลงในช่วงแรกของการระบาดแต่โดยรวมของช่วงที่มีการระบาดชองโรคจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% และ 8% ตามลำดับอย่างไรก็ตาม
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอาจเป็น sentiment เชิงลบในระยะสั้นต่อจำนวน Medical Tourism จากจีนที่ลดลงเรามองว่าอาจเป็น sentiment เชิงลบต่อโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าจีนสูง อย่าง EKH ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าจีนราว 12% (จากสัดส่วนรายได้IVF ที่ราว 15% และเป็นลูกค้าจีนราว 90%) รองลงมา BDMS สัดส่วนราว 5%
ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงพยาบาลไว้ “เท่ากับตลาด” แม้มองว่าประเด็นโรคระบาดจากปอดอักเสบอาจเป็น sentiment เชิงลบในระยะสั้นจากกรณีกลุ่มลูกค้าจีนที่มีโอกาสหายไปแต่หากอิงข้อมูลในอดีตกรณีมีโรคระบาดราคากลุ่มโรงพยาบาลไม่ได้ถูกกระทบและเรามองว่าปัญหาเรื่องมลพิษในเขตตัวเมืองPM 2.5 เป็นปัจจัยที่ทำให้คนเมืองป่วยและเข้าโรงพยาบาลมากขึ้นสำหรับแนวโน้มผลประกอบการใน Q4/62 ยังดูไม่สดใสนัก คาดกลุ่มโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมต้องมีการปรับปรุงรายรับทางบัญชีหลังจากที่สำนักงานประกันสังคมมีการแจ้งว่างบประมาณไม่พอจ่ายสำหรับการเบิกรักษษโรครุนแรง RW>2 แต่คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกในปี 2563 จากการได้ผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม
ระยะสั้นแนะนำ ชะลอการลงทุนในหุ้น EKH และจับตาดูสถานการณ์ผลกระทบจากประเด็นโรคระบาดสำหรับการลงทุนเราเลือกในเชิง selective โดยเลือก“ซื้อ” BCH (TP21.80THB) และ VIBHA (TP2.25)ซึ่งผลประกอบการแม้จะชะลอตัวใน Q4/62 แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตดีในปี 2563 จากผลบวกในการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม