> SET > STEC

11 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 07:40 น.

โหวตงบ63จบในก.พ.นี้ กลุ่มสัมปทานลุยดีลPPP

ทันหุ้น-พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2563 ไม่เป็นโมฆะ ศาลสั่งโหวตวาระ2-3 ใหม่ ขีดเส้นรายงานใน 30 วัน ด้านนักวิเคราะห์ประเมินโหวตงบจบ ก.พ.นี้ก่อนปิดสมัยประชุม เชื่อล่าช้าแค่ 1 เดือน ส่งผลดี ดัน SET ขึ้นเกิน 1540 จุด มอง BTS-BEM รับอานิสงส์สุด ชี้ดีลPPP เพียบ ด้านรับเหมาะ STEC-SEAFCO น่าสนใจ


ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 : 4 วินิจฉัยให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทที่มีปัญหาเสียบัตรลงคะแนนแทนกัน ไม่เป็นโมฆะ แต่ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เฉพาะในวาระที่ 2และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ


ส่วนการพิจารณาลงมติในวาระที่ 1และในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อนนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเสียงลงมติเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปก่อนที่จะมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นขั้นตอนที่ชอบและมีผลสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้ว


ศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้สั่งเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องไปให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมทั้งให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30วันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย


@คาดโหวตจบ ก.พ.นี้

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คำตัดสินของศาลที่ไม่ให้ พรบ.งบประมาณ เป็นโมฆะ และให้โหวตวาระ 2-3 ใหม่นับเป็นบวกต่อตลาด คาดใช้เวลาไม่นานในการพิจารณาวาระที่ 2-3 ใหม่อีกครั้ง


ทั้งนี้ในการประชุมสภาฯครั้งที่ผ่านมา ใช้เวลาในการพิจารณา พ.ร.บ.ฉบับนี้ 4 วัน (8-11 ม.ค.63) การกลับมาพิจารณาใหม่ คาดจะใช้เวลาในการเตรียมประชุมหลายสัปดาห์ แต่การโหวตวาระ 2-3 นั้น คาดใช้เวลาไม่นานมาก กระบวนการนี้ อาจจบภายในเดือน กุมภาพันธ์


“วันที่ สส. มีการพูดในประเด็นเสียบบัตรแทนกัน 20 มกราคม ดัชนีฯ ปรับตัวลงประมาณ 10-20 จุด เท่ากับตอบรับกับเรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้ ดังนั้นเราจะมองในมุมที่เป็นบวกมากกว่า เนื่องจากเป็นการปลดล็อคตัวถ่วงตลาด และคาดจะใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ที่ไม่นาน เกิน 1 เดือนซึ่งการที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับล่าช้า แค่ 1 เดือน ถือว่าไม่มาก”


นายมงคล ประเมินว่าจากเหตุการณ์ผ่อนคลายด้านงบประมาณ จะส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือ 1540 จุดได้ และอาจจะวิ่งถึง 1570 จุด


@BTS-BEM เฮลุย PPP

โดยงบประมาณที่เบิกจ่ายได้จะส่งผลบวกต่อกลุ่มสัมปทานด้านคมนาคมอย่าง BTS และ BEM มากที่สุด เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของ ของภาครัฐฯ มักจะทำแบบ PPP ทำให้ผู้รับเหมาฯ ต้องมีการจับมือกับ operatorโดยชอบ BTS มากที่สุดเป้า 14.60 BEM 12.10 บาท


สำหรับกลุ่มรับเหมาฯ วันนี้ได้รับผลดีด้านจิตวิทยา แต่ยังต้องมีการประเมินว่าจะได้งานมากน้อยแค่ไหน และยังต้องใช้เวลาอีกซักพักในการรับรู้รายได้ แนะนำลงทุนใน STECเป้าหมาย 21.30 บาท เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อค) สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท และยังมีโอกาสได้งานจากการจับมือกับ BTS ส่วน CK นั้นภาพยังเป็นโฮลดิ้งมากกว่า STECดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนเข้า BEM แทน ส่วน SEAFCOนับเป็นหุ้นที่จะได้อานิสงส์เชิงบวกเช่นกันจากการเป็นผู้ก่อสร้างฐานราก ยังคงแนะนำซื้อ เป้าหมาย 9.60บาท


สำหรับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมนั้น จะได้รับประโยชน์ท้ายสุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องรอให้มีงบประมาณลงมาใช้ก่อน และการลงทุนจะตามมาภายหลัง ผลบวกจึงจะไม่เร็วเหมือนกลุ่มที่รับสัมปทานด้านคมนาคมโดยปัจจัยหลักของกลุ่มนี้คือความเชื่อมั่นภาครัฐ โดย AMATA แนะนำ ถือราคาเหมาะสม 18 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X