ประวัติศาสร์จารึก ยักษ์ค้าปลีก CRC เปิดเทรดที่ 42.00 บาท เท่ากับราคา IPO โดยราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 42.25 บาท และลดลงต่ำสุดที่ 41.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,789.79 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ"CRC ชี้ยังมีศักยภาพที่ดีจากการเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีก พร้อมทั้งการพัฒนาระบบช่วยหนุนยอดขายผ่านระบบ Omni-Channel คาดจะได้ผลตอบรับดีในอนาคต ขณะเดียวกันสถานะการเงินดีโดยคาดว่ายังคงรักษาระดับของรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ระดับความสามารถในการทำกำไรที่ดีที่มาร์จิ้น 28-29% ซึ่งยังอยู่ในฐานสูง ของกลุ่มค้าปลีกที่ 25-30% โดยคาดกำไรปกติในช่วง 3 ปี (2562-2564) จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR) ที่ 17%  ขณะเดียวกัน บริษัทมี (Net IBD/Equity)สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยราว 0.67 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทสามารถลงทุนหรือต่อยอดในธุรกิจอื่นได้ในอนาคต 

ฝ่ายวิจัย ประเมินราคาเหมาะสมของ CRC ณ สิ้นปี 2563 ไว้ที่ 48 บาท ด้วยวิธีประเมินมูลค่าคิดลดกระแสเงินสด (DCF) WACC 5.39% Terminal Growth 2% คิดเป็น PE ที่ซื้อขายในระดับที่ 32 เท่า อยู่ในกรอบใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ซื้อขายในกรอบ 25-35 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นคำแนะนำ Trading  ด้วยความน่าสนใจจาก จากการเป็นผู้นำของธุรกิจค้าปลีกในธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดผ่านชื่อ เซ็นทรัล  TOP โรบินสัน ไทวัสดุ ซึ่งมีกลยุทธ์การเป็น Brand Loyalty มีโอกาสขยายสาขาเพิ่มภายในประเทศไทย 

รวมถึงโอกาสเติบโตในต่างประเทศภายใต้ แบรนด์ GO (Bigc)ที่ประเทศเวียดนาม รวมถึง ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ Renasecente ที่ประเทศอิตาลี เราคาดจะมี กำไรปกติราว 6.7 พันล้านบาท 8.1 พันล้านบาท และ 9 พันล้านบาทตามลำดับ ทำให้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปี (CAGR) 17%

CRC เป็นหุ้น  IPO ใหญ่สุดในไทย และเป็นเบอร์ 2 กลุ่มค้าปลีกโลก จ่อเข้า SET 50 ทันที 25 ก.พ.นี้ มีกรีนชูช่วยพยุง ลุ้นเข้า MSCI พ.ค. ผู้บริหาร ลั่น พร้อมนำเงินขยายสาขาทั้งใน-นอก ใช้คืนหนี้เงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน ระวัง! เบียด BPP หลุด SET50 ส่วน PSL หลุด SET100

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า CRC  โดย กลุ่ม CRC เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย เป็นอันดับสามของประเทศเวียดนาม และเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลี

ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่มได้แก่กลุ่มแฟชั่น เช่นห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และรีนาเซนเต ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าในอิตาลี, กลุ่มฮาร์ดไลน์ จำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตกแต่ง เช่น ไทวัสดุ และเพาเวอร์บาย และกลุ่มอาหาร ได้แก่แบรนด์ ท้อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และบิ๊กซี เวียดนาม  ทั้งนี้ CRC เสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมด 1,691 ล้านหุ้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ในราคาหุ้นละ 42 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 71,022 ล้านหุ้น โดยมีมาร์เก็ตแคป ณ ราคา IPO จำนวน 253,302 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) ไม่เกิน 169.10 ล้านหุ้น

**ระดมทุนขยายธุรกิจ

ด้านนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หุ้น CRC มีมูลค่าเสนอขาย IPOสูงที่สุดของตลาดหุ้นเท่าที่เคยมีนา รวมทั้งยังเป็นหุ้น IPOในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก  สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายกิจการทั้งปรับปรุงสาขาต่างๆ ของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ขณะเดียวกันก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม

CRC ในไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 1,385.12 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 1,456.13 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 4,652.51 ล้านบาท ลดลง จากกำไรสุทธิ 9,028.52 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง มองว่าหุ้น CRC หากพิจารณาในง่ของปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นหุ้นที่ดีมาก เพราะเป็นหุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่ระดับโลก โดยรายได้จากบิ๊กซีในเวียดนามมีการเติบโตเป็นอย่างมาก รวมถึงธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่อิตาลี ในระดับไฮเอนด์ก็มีการเติบโตดี   ขณะเดียวกัน CRC วางกลยุทธ์การดำเนินงานหลักๆ โดยใช้แพลตฟอร์ม Omin-channel ซึ่งผสมผสานระหว่างจุดแข็งของการค้าปลีกผ่านทางออนไลน์และการค้าปลีกที่มีร้านค้าเป็นหลักซึ่งถือเป็นจุดแข็งในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามทิศทางของราคาหุ้นจะเป็นอย่างไรนั้น ประเมินได้ยาก เพราะส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นโดยรวมว่าจะเป็นอย่างไร

**คาด BPP-PSLหลุด SET50-SET100

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้น CRC เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 โดยอัตโนมัติ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป จะส่งผลกระทบต่อ BPP ที่จะถูกถอดออกจาก SET50 รวมถึง PSLที่จะถูกถอดออกจาก SET100 จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงเข้าซื้อหุ้น BPP และ PSL โดยรอหลังวันที่ 25 กุมภาพันธ์จึงค่อยเข้าไปลงทุน นอกจากนี้คาดว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะเสร็จสิ้นแล้ว ในช่วงที่มีการเสนอขายหุ้น IPOดังนั้นจึงมองว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกไม่น่าจะมีผลกระทบจาก CRCแล้ว ดังนั้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท

**ลุ้นเข้า MSCI ในพ.ค.

นายณัฐชาต คาดว่าหุ้น CRC มีโอกาสจะถูกนำเข้าคำนวณใน MSCI ภายในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ แต่จะต้องรอดูว่ฟรีโฟลทของหุ้นว่าเป็นอย่างไร โดย MSCI จะมีการปรับหุ้นที่เข้าออกปีละ 4 ครั้ง เป็นการปรับได้แก่ เดือน เป็นการปรับเล็กในก.พ. และส.ค. และ ส่วนการปรับใหญ่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. และ พ.ย. ขณะเดียวกันการที่ CRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  จะทำให้ EPS ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ถูกลดทอนลงอีกราว 1.0-1.5 บาทต่อหุ้น โดยในปีนี้คาดว่า EPS ของบจ.จะอยู่ที่ 97 บาทต่อหุ้น ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ EPS ลดเหลือ 96 บาทต่อหุ้น