สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า โบรกเกอร์ 3 รายประเมินสถานการณ์กรณีที่บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BH ในราคาหุ้นละ 125 บาท โดยราคาเสนอซื้ออาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ใน BH สัดส่วน 24.99% ว่ามีโอกาสไม่สำเร็จ หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BH ไม่ต้องการที่จะขาย โดยโบรกเกอร์มองราคาที่ทำเทนเดอร์อยู่ในระดับที่ต่ำอีกด้วย  

บล.เคทีบี(ประเทศไทย) มองว่าการที่ BDMS ทำคำเสนอซื้อหุ้น BH เพิ่ม มองว่ามีโอกาสสูงที่จะมีคนทำ  tender ไม่สูงมาก เนื่องจากราคาเสนอซื้อไม่ attractive มากนัก และ BH มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นค่อนข้างกระจาย โดยนักลงทุนจำนวนมากที่มีต้นทุนถือหุ้น BH ที่ราคาสูงกว่าราคาเสนอซื้อ ดังนั้นความกังวลต่อโอกาสเพิ่มทุนของ BDMS ค่อนข้างจำกัด และโอกาสที่จะเห็น synergy ระหว่าง BDMS และ BH จึงมีจำกัด เพราะเป็นเพียงเข้าไปเพื่อลงทุนเท่านั้น 

ขณะที่ราคาหุ้น BDMS ได้ปรับตัวลง 16% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากตลาดกังวลการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทซึ่งราคาหุ้นได้สะท้อนบางส่วนแล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจ

จากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตดีรวมถึงการเติบโตโรงพยาบาลในต่างจังหวัดและจำนวนผู้ป่วยประกันชีวิตที่สูงขึ้น โดยจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ มีมุมมองเป็นกลางต่อ BDMS โดยมองผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้รายได้จากคนไข้ต่างชาติลดลง โดยเฉพาะประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศได้ออกคำสั่งห้ามพลเรือนที่มาจากประเทศไทยเข้าออกประเทศ ซึ่ง BDMS มีสัดส่วนรายได้จากตะวันออกกลาง 5% 

ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย)  ระบุว่าการที่ BDMS ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น BH มองได้เป็น 2 กรณี โดยกรณีแรก หากดีลดังกล่าวสำเร็จ  จะเป็นบวกต่อ BDMS ที่กินรวบธุรกิจโรงพยาบาลส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1  และซื้อได้ในราคาที่ถูก  โดย ราคา 125 บาท  คิดเป็นราคาเสนอซื้อที่ P/E  เพียง 23.5 เท่า และกรณี สุงสุด ปรับเพิ่มราคาเสนอซื้ออีก 20%อยู่ที่ ที่ 150 บาท P/E 28  เท่า  ซึ่งมองว่าถูก เมื่อเทียบกับ P/E เฉลี่ยย้อนหลังของกลุ่ม รพ.ย้อนหลัง 5ปี  ที่  30x   อย่างไรก็ตามดีลดังกล่าวต้องใช้เงินสูงทำให้ต้องมีภาระเงินกู้ และดอกเบี้ยที่เพิ่ม

ส่วนกรณีที่ 2  ดีลเทนเดอร์ ทั้งหมดมีโอกาสไม่สำเร็จ  ซึ่งมองว่ามีความเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากคาดว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิมจะไม่ขายออกมา ด้วยราคาเสนอซื้อที่ฝ่ายวิจัยหยวนต้าฯ มองว่าต่ำไป       

          

โดยยังคงคำแนะนำ "เก็งกำไร" ในหุ้น BDMS คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2563 ยังน่าเป็นห่วง ขณะที่ ดีลการทำคำเสนอซื้อหุ้น BH ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา เบื้องต้นยังคงมูลค่าพื้นฐานในปี 2563 ที่ 25.50 บาทต่อหุ้น ส่วนหุ้น BH ด้วยราคาเสนอซื้อจาก BDMS ที่125บาท  และสามารถปรับเพิ่มไม่เกิน20%. ดังนั้นการเข้าซื้อเก็งกำไร ราคาไม่ควรเกินช่วงราคา 125 - 150บาท เนื่องจากในทางพื้นฐานแนวโน้มผลประกอบการในปี 2563 คาดว่ายังมีโอกาสชะลอตัวต่อ

บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) มองว่าดีลดังกล่าวอาจไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BH อาจไม่ยอมรับการเสนอซื้อ แต่ถ้าหากดีลดังกล่าวเดินหน้าไปได้ BDMS จำเป็นต้องกู้เงินหรือออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนมาซื้อหุ้น BH แทนการเพิ่มทุน นอกเหนือจากการใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ในบริษัทส่วนหนึ่ง.

เมื่อวานนี้นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ  บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 เปิดเผยกับ”ทันหุ้น”ว่า BKI และบริษัทในเครือของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL และครอบครัวโสภณพนิช ไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้น BH  เพราะต้องการที่จะลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดได้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 3.20 บาท

โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ BH ณ วันที่ 28 ส.ค.2562 จะมี BKIถือหุ้นในสัดส่วน 14.65% และยังมี บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด ถือหุ้น 3.59%, นายชัย โสภณพนิช ถือหุ้น 1.40%, นายชาลี โสภณพนิช ถือหุ้น 0.72% และนายชาตรี โสภณพนิช ถือหุ้น 0.51%

“ในเครือเรากับพันธมิตร ถือหุ้น BH อยู่กว่า 50% ซึ่งเราต้องการที่จะถือหุ้นระยะยาว ส่วนการที่ BDMS มีการทำเทนเดอร์ มองว่าเนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของ BDMS ใน BH ใกล้จะถึง 25% การเพิ่มสัดส่วนจึงต้องทำตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต.ที่กำหนดไว้ การเข้ามาลงทุนเพิ่มของ BDMS ใน BH เชื่อว่าเป็นการลงทุนเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของ BHแต่อย่างใด” นายชัย กล่าว