"ไทยเทคโนกลาส กรุ๊ป"จะนำหุ้นเข้า mai ระดมทุนสร้างโรงงาน-ซื้อเครื่องจักร-คืนหนี้

สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า "ไทยเทคโนกลาส กรุ๊ป" มีแผนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด mai โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน  106 ล้านหุ้น ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปสร้างโรงงาน และซื้อเครื่องจักร รวมทั้งนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน 

บริษัท ไทยเทคโนกลาส กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TTG ซึ่งประอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระจกแปรรูป  ภายใต้ตราสินค้า "บีเอสจีกลาส หรือ BSG Glass" ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 106 ล้านหุ้นหรือ 25.12% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งได้แต่งตั้งให้บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด  เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนจะนำไปใช้ลงทุนในโรงงานและเครื่องจักร รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน 

ขณะเดียวกันบริษัทก็มีโครงการในอนาคต ที่จะดำเนินการได้แก่การก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ โดยมีขนาดพื้นที่โดยรวมประมาณ 9 พันตารางเมตร จังหวัดนครปฐม ห่างจากโรงงานเดิมประมาณ 2 กิโลเมตร เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทมีโรงงานและคลังสินค้าเพียงแห่งเดียว เพื่อใช้สำหรับในการผลิตสินค้าทุกประเภท ทำให้ใช้พื้นที่โรงงานที่มีข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนสายการผลิตของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหลากหลาย โดยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของสินค้าประเภทกระจกมูลค่าสูง กระจกลักษณะพิเศษ และสินค้าต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์กระจก คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในช่วงไตรมาส 3/63 คาดว่าคลังสินค้าจะสร้างเสร็จและพร้อมใช้งานภายในไตรมาส 1/64 และโรงงานแห่งที่สองคาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 2/64  

นอกจากนี้จะมีการลงทุนในเครื่องจักร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน และการเพิ่มสายการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ในอนาคต โดยจะลงทุนสองส่วนได้แก่ เครื่องจักรเพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าประเภทกระจกมูลค่าสูงและกระจกลักษณะพิเศษ สำหรับสายการผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ในอนาคต และส่วนที่สองได้แก่เครื่องจักรที่ใช้ในการตัดและเจียรกระจก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตของทุกประเภทสินค้าโดยภาพรวม เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับการขยายสายการผลิตส่วนแรก 

และมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเน้นการจัดจำหน่ายสำหรับการใช้งานสำหรับงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านผู้รับเหมา โดยในอนาคตฝ่ายบริหารวางแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมลูกค้าหลากหลายกลุ่ม สามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมในหลากหลายภูมิภาค โดยอาศัยเทคโนโลยีผ่านช่องทางออนไลน์ รวมกับทางออฟไลน์ เช่นการจัดหาพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในช่องทางการจัดจำหน่าย และยังเล็งเห็นว่าตลาดต่างประเทศ สำหรับประเทศเพื่อนบ้านยังมีศักยภาพในการขยายกลุ่มลูกค้าของบริษัท โดยวางแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรทางการค้าทั้งจากไทย ซึ่งเป็นผู้รับงานจากต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในแต่ละประเทศ 

โครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีบริษัท อรุณโฮลดิ้ง จำกัดถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 53.74% แต่ภายหลังขายหุ้น IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 40.24% ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ