ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1060-1065 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรมาทดสอบแนวรับที่บริเวณ 1040 จุด ภายหลังที่นายกฯ ได้มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะมีผลวันที่ 26 มีนาคมนี้ ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับการประกาศทำ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ไม่จำกัดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ VGI หรือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินดำเนินธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ 1.) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้2.) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (ผ่านกลุ่มบริษัทย่อย) 3.) ธุรกิจพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ (ผ่านกลุ่มบริษัทย่อย) 4.) ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีบริการน้ำมัน เชื้อเพลิงอื่นๆ เพื่อยานยนต์ทุกประเภท (ผ่านกลุ่มบริษัทย่อย) 5.) ธุรกิจวิจัย และพัฒนา (ผ่านกลุ่มบริษัทย่อย)

ผลการดำเนินงาน ปี 2562 มีรายได้รวม 14,955 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,082 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.63 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 ที่มีรายได้รวม 12,656 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,975 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.33 บาท

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจปี 63 นอกจากจะมีผลประกอบการเติบโตจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจไฟฟ้าทั้ง 664 เมกะวัตต์เต็มปีแล้ว ยังก้าวเข้าสู่การเติบโตรอบใหม่ ที่จะเริ่มเห็นผลประกอบการจากลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้เป็นต้นไป ทั้งจากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ Bio-PCM นวัตกรรมที่เป็นลิขสิทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม, รถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1, เรือไฟฟ้าที่จะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา, และบริการอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เป็นต้น

สำหรับไตรมาส 4/62 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 62 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,148 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมกิจการ Amita Technologies Inc ไต้หวันที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1/61 จำนวน 895 ล้านบาท จะทำให้ปี 62 มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 49% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,490 ล้านบาท และหากไม่นับกำไรทางบัญชี 895 ล้านบาท จะมีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 29% นับเป็นสถิติสูงที่สุด

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตมากขึ้น เนื่องจากฐานกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ ขนาด 260 เมกะวัตต์ ทำให้ในปี 62 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมรวมกัน 664 เมกะวัตต์จากปีก่อนอยู่ที่ 404 เมกะวัตต์ ด้วยการออกแบบทางวิศวกรรมและการเลือกใช้เทคโนโลยีกังหันลมที่เหมาะสม ทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งจากโครงการหนุมาน และโครงการหาดกังหันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นมา จากการส่งเสริมของภาครัฐในการกำหนดให้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศ ทำส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณการขายและราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) บริษัทอนุมัติการเข้าลงทุน 19% ในบริษัท แลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิ้ง จำกัด ด้วยมูลค่าไม่เกิน 5.13พันล้านบาท จาก Prosperity Gain Holdings Ltd. โดยบริษัทดังกล่าวมีสินทรัพย์หลักเป็นที่ดินประมาณ 2,828 ไร่ ในจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งบริษัทมีโครงการจะพัฒนาที่ดินบางส่วนเป็นนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการขยายฐานธุรกิจจากส่วนงานธุรกิจหลักเดิม โดยคาดว่าคู่สัญญาจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกันภายในเดือนพ.ค.63

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติการได้มาซึ่งสิทธิในการเช่าที่ดินบริเวณจ.ฉะเชิงเทรา ของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (Amita Thailand) ซึ่งเป็นผู้เช่า และเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการสร้างโรงงานผลิต Battery Lithium Ion และโรงงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จากบริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด (Double P Land) ซึ่งเป็นผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว และเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท

โดย Amita Thailand จะเข้าเช่าที่ดินจาก Double P Land ที่ตั้งอยู่ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มีเนื้อที่รวม 91 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวา เป็นระยะเวลา 15 ปี และมีสิทธิขยายระยะเวลาเช่าอีก 15 ปี สัญญาเช่ามีมูลค่ารวม 1.25 พันล้านบาท คาดว่าจะทำสัญญาเช่าที่ดินภายในเดือน พ.ค.63เนื่องจากบริษัทมีแผนจะสร้างโรงงานผลิต Battery Lithium Ion อัตรากำลังผลิตสูงสุดที่ 4 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) และโรงงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอรี่ฯ รวมถึง VOCs Concentration and NMP Purification Project Electrolyte Plant อาคารโรงอาหาร อาคาร Work Shop และระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง

EA มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 48.70 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 60.00 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 43.00 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 27.50 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของการปรับตัวลดลงหลังจากทำจุดสูงสุดที่ 71.25 ก่อนที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 58.50 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 36.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 39.00 เป็นแนวต้านสำคัญ ในขณะที่การปรับตัวลดลงต่ำกว่า 29.00 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายหุ้นออกไปก่อน

สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Teerasak Trendtalk