> พี่สอนน้องเล่นหุ้น > CBG

03 เมษายน 2020 เวลา 06:10 น.

CBG

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือแนวรับที่ 1100 จุด หลังจากถูกขายทำกำไรที่แนวต้าน 1130 จุดมาทดสอบแนวรับที่ 1100 จุด ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังอยู่ระหว่างการปรับฐาน โดยมีแนวต้านที่ 1130 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1200 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1080 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งมีการลงทุนหลักในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจ ผลิต ทำการตลาด จำหน่าย และบริหารจัดการการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างครบวงจร


ผลการดำเนินงาน ปี 2562 มีรายได้รวม 15,052 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,506 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.51 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 ที่มีรายได้รวม 14,597 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,159 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.16 บาท

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 63 เติบโตมากกว่า 25% จากยอดขายที่ขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีสัดส่วนการขายถึง 70% นั้นคาดจะขยายตัวถึง 30% โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย ซึ่งเห็นการเติบโตของยอดขายในระดับที่สูง ส่วนตลาดในยุโรป อังกฤษ และสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีสัดส่วนที่น้อย แต่ยังคงเห็นการเติบโตได้อยู่ จากการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังที่ใส่คาร์บอนเนต ส่วนยอดขายในประเทศที่มีสัดส่วนการขาย 30% คาดว่าจะยอดขายจะเติบโตได้มากกว่า 10%


อย่างไรก็ตามในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระจายไปในหลาย ๆ ประเทศ แต่ยอดขายในตลาดต่างประเทศยังคาดว่าจะเติบโตได้ราว 30% ในไตรมาส 1/63 ส่วนในประเทศคาดว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะไม่เติบโตถึงมีโอกาสติดลบ จากเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของยอดขายในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. ซึ่งนอกเหนือจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วย ทำให้คนชะลอการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศปี 63 จะไม่เติบโตหรือทรงตัวจากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.4-3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 24-25%


ส่วนการส่งเครื่องดื่มชูกำลังไปขายในตลาดประเทศจีน หลังจากที่ได้หยุดการส่งออกไปในช่วงที่จีนปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสในจีนเริ่มดีขึ้นทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดดำเนินงานตามปกติมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะเริ่มกลับมาส่งออกเครื่องดื่มชูกำลังไปจีน 70 ตู้ ในช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยปัจจุบันบริษัทเข้าไปขายในจีนเป็นปีที่ 4 ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่ท้าทายจากการที่มีเจ้าตลาดรายใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดที่มากอยู่ถึง 35% แต่ยังมองว่ายังเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตเพราะจีนมีจำนวนประชากรมาก และมูลค่าตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจีนมีสูงถึง 2 หมื่นล้านบาททำให้ยังมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้ในระยะยาว แม้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนจะยังมีผลขาดทุนอยู่ก็ตาม แต่เชื่อว่ายังสามารถกลับมาเป็นบวกได้ จากความพยายามขยายตลาดในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้บริษัทยังมีการออกเครื่องดื่มใหม่ที่สอดคล้องกับกระแสปัจจุบันที่ตลาดการดูแลสุขภาพกำลังเติบโต เช่นเดียวกับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ ซึ่งบริษัทได้สนองต่อเทรนด์ดูแลรักษาสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางโดยบริษัทได้ร่วมมือกับ "วู้ดดี้" นายวุฒิธร มิลินทจินดา พัฒนาสินค้าเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพเครื่องดื่มวิตามินซี Woody C+ Lock ซึ่งบริษัทลงทุนในสัดส่วน 85% และคุณวู้ดดี้ร่วมลงทุนในสัดส่วน 15% ซึ่งบริษัทวางงบการตลาดสำหรับการใช้ส่งเสริมการขายเครื่องดื่มวิตามินซี Woody C+ Lock ไว้ที่กว่า 200 ล้านบาท คาดหวังให้เครื่องดื่มใหม่นี้มีสามารถคว้าส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ให้ได้ภายในปีนี้ ตั้งเป้าจะมียอดขายของเครื่องดื่มวิตามินซี Woody C+ Lock ในปี 63 ที่ 100 ล้านขวด โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 20 ล้านขวด


ขณะที่แนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 63 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 39% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทลงทุนนำเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเข้ามาใช้ในการผลิต ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับบริษัทมีแหล่งวัตถุดิบที่สามารถสั่งซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่ถูก ช่วยให้ต้นทุนในการผลิตลดลง โดยที่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานของบริษัทยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง เพื่อทำให้การผลิตเครื่องดื่มของบริษัทดีขึ้น โดยที่ในช่วงปี 63-64 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 1.5-2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การซื้อเครื่องจักรเข้ามาเสริมประสิทธิภาพ และการขยายกำลังการผลิตขวดเพิ่มอีก 500 ล้านขวด/ปี และขยายกำลังการผลิตกระป๋องเพิ่มอีก 500 ล้านกระป๋อง/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตขวดอยู่ที่ 1 พันล้านขวด/ปี และมีกำลังการผลิตกระป๋องอยู่ที่ 1 พันล้านกระป๋อง/ปี


นอกจากนี้บริษัทยังคงทำการตลาดต่อเนื่องในปี 63 โดยวางงบการตลาดไว้ที่ 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อทำให้แบรนด์เครื่องดื่มของบริษัทเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้ ตามกลยุทธ์ของบริษัทในการผลักดันให้เครื่องดื่มของบริษัทเป็นเครื่องดื่มระดับโลก ทำให้การพัฒนาเครื่องดื่ม และการทำการตลาดต้องเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงเครื่องดื่มที่มีคุณภาพที่บริษัทนำเสนอออกมา

CBG มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 90 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 118 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 63.50 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 50.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังคงเคลื่นอไหวเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 70.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 75.00 และ 78.00 เป็นเป้าหมายในการฟื้นตัว แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 60.00 จะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 52.00 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Teerasak Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X