ทันหุ้น- หุ้นไทยพุ่งแรงหลังโควิดชะลอ กลุ่มห้างสรรพสินค้า-โรงแรม-ขนส่ง วิ่งชนซิลลิ่ง ทั้ง AOT MINT CENTEL ERW THAI CRC นักวิเคราะห์ชี้เป็นลักษณะแพนิคซื้อของกองทุน ที่กลัวไม่ได้หุ้น แนะกลยุทธ์สำหรับผู้ที่ขึ้นรถไม่ทันรอซื้อวันศุกร์ มองประชุมโอเปก 9 เมษายนยังไม่บรรลุ เปิดโผหุ้นยังไม่พุ่งและเป็นเป้ากองทุนเข้าลุย โรงไฟฟ้า-รถไฟฟ้า BEM น่าสน!

ดัชนีหุ้นไทยทะยานแรงหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มลดลง ปิดที่ 1,214.95 จุด เพิ่มขึ้น 76.11 จุด หรือ 6.68% มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 98,954.92 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่สูงสุดนับตั้งแต่ 13 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยหลุดหล่นลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 969.08 จุด

โดยมีหุ้นที่ทะยานชนซิลลิ่งในระดับ 14-15% จำนวน 23 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย AOT , PLAT , MINT, AWC , THAI , BTS , PLANB , ILM , ORI , JMT , LRH , CENTEL , KAMART ,  EASON , CRC , ERW , EMC , MACO , GLOBAL , S & J , DOHOME , MONO , M จะสังเกตว่า ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและร่วงลงไปแรงก่อนหน้านี้ อาทิ กลุ่มห้างสรรพสินค้า-โรงแรม-ขนส่ง

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ทะยานขึ้นมาอยู่ในลักษณะของการเร่งซื้อ หลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เริ่มมีตัวเลขผู้ติดเชื่อที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ที่ต้องซื้อตามดัชนี แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจะมีกลับมาระบาดเพิ่มสูงระลอก 2 หรือไม่ ดังนั้นจึงแนะนำ “นักลงทุน” วางกลยุทธ์ให้คัสลอสหากดัชนีลงมาต่ำกว่า 1,140 จุด

สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปแรงในขณะนี้ในส่วนของกลุ่มค้าปลีกนั้น นักลงทุนจะต้องติดตามผลประกอบการไตรมาส 2 ด้วย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ถือยาวหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ขึ้นมา ยกเว้น AOT

และยังไม่แนะนำกลุ่มน้ำมัน เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปกพลัส) จะมีการประชุมกันในวันที่ 9 เมษายนนี้ มองว่า โอกาสที่จะได้ข้อสรุปลดน้ำมันลงเลยถึง 15 ล้านบาเรลล์ต่อวันนั้น เป็นไปได้ยาก เนื่องจากเป็นการลดลงราวครึ่งหนึ่ง จากที่ 3 กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันใหญ่อย่าง สหรัฐ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ผลิตน้ำมันรวมกันได้ราว 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรืออาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการประชุมหลายหลัง

@จังหวะเก็บคนขึ้นรถไม่ทัน

นายสรพล ประเมินว่า หลังการประชุมโอเปกพลัส ช่วงวันศุกร์อาจจะมีทำให้ราคาน้ำมันร่วงต่ำลงมาได้ ดังนั้น นักลงทุนที่ขึ้นรถไฟไม่ทันอาจจะใช้ช่วงดังกล่าวในการเก็บหุ้นได้

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจและยังสามารถซื้อได้ เนื่องจากราคาหุ้นยะงไม่ได้ขึ้นมาสูงเหมือนกลุ่มห้างสรรพสินค้า และเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดี คือกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม ประกอบด้วย GULF , BGRIM ,GPSC, RATCH , EGCO ซึ่งจะเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกองทุนได้ รวมถึงหุ้นกลุ่มรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ BEM ที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อยู่มากเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 10.60 บาท