> SET > TOG

16 เมษายน 2020 เวลา 10:02 น.

TOG รับโควิดกดยอดขาย คุมเข้มต้นทุนรักษามาร์จิ้น

ทันหุ้น –สู้โควิด –TOG รับโควิด-19 ระบาดกระทบกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศหดตัว มองกดดันผลงานไตรมาส 1/2563 อาจทรงตัวจากปีก่อน เล็งปรับแผนงานใหม่ในช่วงไตรมาส 2/2563 หากสถานการณ์การระบาดยังยืดเยื้อ จากเดิมที่คาดรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 5 - 10% พร้อมคุมเข้มต้นทุนค่าใช้จ่ายรักษามาร์จิ้นยืนเหนือ 18%


นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่า ยอมรับว่าการระบาดของไวรัสโควิ-19 มีผลกระทบทำให้เศรษฐกิจรวมถึงกำลังซื้อชะลอตัวลง ซึ่งกว่า 95% ของยอดขายรวมบริษัทมาจากการส่งออกไปต่างประเทศ และกว่า 60% เป็นยอดขายในยุโรปที่เป็นตลาดหลักของบริษัท


*เล็งหั่นเป้ารายได้

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านหลายประเทศประกาศปิดประเทศงดการเข้า - ออกของคนในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมการค้าไม่เกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ อีกทั้งยังทำให้การค้าและการเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น แม้ว่าบริษัทจะมีการปรับกลยุทธ์การขายมีการพัฒนาแพลตฟอร์มการสั่งซื้อสินค้าแบบออนไลน์ขึ้นมาแล้วในแบบการทำธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ (B2B) ซึ่งปัจจุบันมีคู้ค่าต่างประเทศบางรายได้ปรับตัวมาส่งออเดอร์ผ่านช่องทางดังกล่าวบ้างแล้ว แต่ก็ไม่อาจชดเชยส่วนที่สูญหายได้ทั้งหมด


ส่งผลให้บริษัทคาดว่าการเติบโตของยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2563 อาจเติบโตแบบทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หรืออาจเติบโตเล็กน้อย เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มมีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563 สำหรับยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 ยังมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน


ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทอาจมีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2/2563 เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยอาจมีการปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ลงจากเดิมที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 5 - 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,025.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 132.13 ล้านบาท


**รักษามาร์จิ้สูง

ขณะเดียวกันบริษัทจะหันมามุ่งเน้นด้านการบริหารจัดการต้นทุนทางการผลิต ค่าใช้จ่าย และบุคลากรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่ดีไม่น้อยกว่า 18.19% และ 6.52% ตามลำดับ ต่อเนื่องจากปีก่อน รวมถึงบริษัทจะเริ่มหันมาทำการตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น


โดยบริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์เลนส์พรีเมี่ยมชนิดใหม่ ในราคาที่ไม่สูงมากนักเพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศให้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5% ของยอดขายรวม เนื่องจากมองว่าการเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศให้มากขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนลงได้ในระดับหนึ่ง


ส่วนบริษัทย่อย บริษัท ทีโอจี ยูเอสเอ ไอเอ็นซี (TOG USA, Inc.) ในสหรัฐฯ ปัจจุบันยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าท้องถิ่นเข้ามาเจรจาหลายราย ทำให้มีโอกาสรับออเดอร์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม แม้ว่าออเดอร์อาจมีการเลื่อนกำหนดรับมอบไประยะหนึ่งเนื่องจากการเดินทางที่ยังไม่ปลอดภัยนักในตอนนี้ แต่บริษัทยังคงเชื่อว่าจะสามารถทยอยจบดีลได้ภายในปีนี้เพื่อสนับสนุนให้ยอดขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% สร้างรายได้มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X