> mai > SEAOIL

28 เมษายน 2020 เวลา 09:20 น.

SEAOILขายกิจการโซล่าร์ โกยเงินเข้ากระเป๋า215ล้าน

ทันหุ้น – สู้โควิด – SEAOIL ขายกิจการโซล่าร์ฟาร์ม 10 โครงการ กำลังผลิตรวม 7.8 MW โกยเงินเข้าพอร์ต 215 ล้านบาท เบนเข็มสู่ธุรกิจเชี่ยวชาญ oil&gas มองวิกฤติเป็นโอกาสแห่งการลงทุน ลุยบริหารเงินสด เพิ่มสภาพคล่อง พร้อมเล็งปรับตัวเลขรายได้ จากเดิมคาดปีนี้โต 20-30%


นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL เปิดเผยว่า คณะกรรมการอนุมัติให้บริษัท ลีฟวิง เอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 99.99% จำหน่ายการลงทุนทั้งหมดใน 8 บริษัทย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีจำนวนรวม 10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 7.825 เมกะวัตต์ (MW)โดยจะโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ให้กับบริษัทย่อยของบมจ.ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ (TIW) ซึ่งจะจัดตั้งขั้นใหม่โดย TIW จะถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% โดยมีมูลค่าการโอนกิจการรวมทั้งสิ้น 215 ล้านบาท และจะแบ่งจ่ายตามสัญญา โดยคาดว่าจะลงนามในสัญญาโอนกิจการได้ภายในไตรมาส 2/2563 และโอนกิจการเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 3/2563


ขายกิจการโซล่าร์


สำหรับ 8 บริษัทย่อยดักล่าว ประกอบด้วย บริษัท สกาย โซล่าร์ รูฟ จำกัด (SSR) , บริษัท สกาย โซล่าร์ พาวเวอร์ จำกัด (SSP) , บริษัท เอ็น ดับเบิลยู กรีน พาวเวอร์ จำกัด (NGP) ,บริษัท เอ็น ดับเบิลยู เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (NWG) , บริษัท เอ็น ดับเบิลยู โซล่าร์ จำกัด (NSL) , บริษัท ซันนี่ โซล่า จำกัด (SSL) , บริษัท ซัน ลิงค์ พาวเวอร์ จำกัด (SLP) และบริษัท โซล่าร์ ทาวน์ จำกัด (SLT)


อย่างไรก็ดีการจำหน่ายการลงทุนธุรกิจโซล่าร์จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินรวมของบริษัท เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้ทั้งหมดของบริษัท และที่ผ่านมาแม้ธุรกิจโวล่าร์จะทำกำไรให้กับบริษัท เมื่อดูผลตอบแทนรวมแล้ว ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทกำหนด ประกอบกับค่าบำรุงรักษาอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้บริษัทพิจารณาและจำหน่ายธุรกิจโซล่าร์ออกไป


และเตรียมนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายธุรกิจมาขยายฐานในธุรกิจที่บริษัทเชี่ยวชาญและมีความถนัด โดยเฉพาะธุรกิจ Oil&Gas ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุน Oil&Gas หลายโครงการ ซึ่งมีผลตอบแทน หรือ IRR อยู่ในตัวเลขหลักเดียวและสองหลัก


ปรับแผนธุรกิจ


ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาก คาดจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจเทรดดิ้ง หรือการซื้อขายน้ำมัน เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันปรับตัวลดลง เป็นไปตามภาวะความต้องการใช้น้ำมัน และธุรกิจหลุมขุดเจาะ ซึ่งบริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าวโดยถือสัดส่วนหุ้น 49.99% คาดผลตอบแทนจากการลงทุนจะปรับตัวลดงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกทำให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 2563 คาดจะลดลงต่ำกว่าประมาณการณ์

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งประกอบไปด้วยการกดดันจากราคาน้ำมัน การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นต้น โดยบริษัทคาดจะเห็นทิศทางตัวเลขการเติบที่ชัดเจนช่วงกลางพฤษภาคมนี้ จากต้นปีบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2563 โต 20-30% จากปีก่อน 6.63 พันล้านบาท


นางสาวนีรชา กล่าต่อว่า ขณะที่ปัจจุบันปัจจัยกดดันการดำเนินธุรกิจมีหลายประการ บริษัทจะพยายามลดต้นทุนการดำเนินงาน และบริหารเงินสดที่มีอยู่ เพื่อให้บริษัทมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทมองว่าช่วงวิกฤติจะเป็นโอกาสในการขยายการลงทุน แต่จะลงทุนได้มากน้อย หรือเป็นไปตามแผนหรือไม่ คงต้องดูสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเป็นสำคัญ

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X