ทันหุ้น-สู้โควิด- บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด คาดว่าสภาวะตลาดเมทิลเอสเทอร์หรือไบโอดีเซลที่ดีจะช่วยสนับสนุนกำไรสุทธิ 1Q63 ของ GGC (ประกาศ 8 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 19% QoQ สู่ 228 ลบ. เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY และเป็นกำไรสุทธิที่ดีที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส

โดยได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาลที่กำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการผสม ME ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก 7%เป็น 10%มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 มาตรการดังกล่าวยังช่วยให้ สต๊อก CPO ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีด้วย และเชื่อว่าปัจจัยบวกดังกล่าวสะท้อนในราคาหุ้นไปค่อนข้างมากแล้ว

โดยราคาหุ้น GGC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 37% ในระหว่างเดือนธ.ค. 2562-ม.ค. 2563 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนที่ 13.7 บาท ก่อนที่จะร่วงลง 41-67% เพราะโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นร่วงแรง เราคาดว่าอุปสงค์ ME และแฟตตี้แอลกอฮอล์จะยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ใน 2Q63 ดังนั้นเราจึงปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 9บาท โดยอิงกับ PBV 0.8 เท่า คงคำแนะนำ “Neutral”

ธุรกิจเมทิลเอสเทอร์: อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจะหนุนให้ adjusted EBITDA margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น ธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ (ME) น่าจะยังคงแข็งแกร่งใน 1Q63 เพราะราคาขายแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 77% YoY และ 42% QoQ เราคาดว่าธุรกิจนี้จะช่วยหนุนให้ adjusted EBITDA margin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 4.7% ใน 4Q62 สู่ 6.6% ใน 1Q63 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้มีแนวโน้มที่จะรับรู้ขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 35 ลบ. เทียบกับกำไร 34 ลบ. ใน 4Q62 เนื่องจากราคาขายไบโอดีเซลลดลงอย่างมากในเดือนมี.ค. เพราะอุปสงค์ลดลง เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้การขนส่งลดลง อีกทั้งยังส่งผลกระทบทำให้ปริมาณขายลดลง 5% QoQ ด้วย แม้ว่ายังคงเพิ่มขึ้น 7% YoY โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผสมภาคบังคับของ ME ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว

ธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์: ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยปริมาณขายลดลง 16% YoY และ 15% QoQ เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่สำคัญ (ใช้ FA เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล) โดยคิดเป็นสัดส่วน 15% ของปริมาณขายทั้งหมด ตลาดส่งออกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง คือ อินเดีย ซึ่งประกาศปิดประเทศตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ดังนั้นผลกระทบจะมีให้เห็นมากขึ้นใน 2Q63สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบทำให้ปริมาณขายปรับลดลง 16% YoY และ 15% QoQ adjusted EBITDAจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง 34% YoY (แม้เพิ่มขึ้น 8% QoQ) เราคาดว่า adjusted EBITDA margin จะอยู่ที่ 12.5% ใน 1Q63 ลดลงจาก 17.7% ใน 1Q62 แต่เพิ่มขึ้นจาก 11.3% ใน 4Q62

แนวโน้ม 2Q63 แม้สต๊อก CPO ลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีโดยมีสาเหตุมาจากมาตรการของรัฐบาลในการบังคับใช้น้ำมันไบโอดีเซล B10แต่คาดว่าอุปสงค์ที่ลดลงจากคำสั่งให้อยู่บ้านจะส่งผลกระทบต่อราคา ME ในระยะสั้น เมื่อประกอบกับอุปสงค์และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ FA ที่ลดลง เราคาดว่าผลประกอบการจะอ่อนตัวลงอีกใน 2Q63อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ FA (หลักๆ ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคลและดูแลบ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ

ปรับราคาเป้าหมายของ GGC ลดลงจาก 11 บาท สู่ 9 บาท โดยอิงกับ PBV (ปี 2563) ที่ 0.8 เท่า เท่ากันกับผู้ประกอบการปลายน้ำรายอื่นๆ ภายใต้การวิเคราะห์ของ SCBS มาตรการของรัฐบาลในการบังคับใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมไบโอดีเซล (B100) ในสัดส่วน 10% จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ราคา CPO และ B100 มีเสถียรภาพในระยะยาว ในขณะที่เรามองว่าผลกระทบระยะสั้นของโควิด-19 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดันต่อราคาผลิตภัณฑ์ของ GGC ความเสี่ยงขาลงต่อประมาณการกำไรของเรา คือ ราคา CPO และ CPKO ที่ผันผวน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดขาดทุน สต๊อก และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่าคาด

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1