> mai > SELIC

30 เมษายน 2020 เวลา 09:10 น.

SELICกาวอุตสาหกรรมอาหารพุ่ง เดินเกมคุมต้นทุน-บริหารเงินสด

ทันหุ้น – สู้โควิด - SELICชี้ความต้องการใช้กาวอุตสาหกรรมกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้พุ่ง แม่ทัพหญิง “ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์” เตรียมย้ายกำลังผลิต รับออเดอร์ เดิมเกมคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมบริหารเงินสดในมือที่มีอยู่ 114 ล้านบาท โชว์กำไรสะสม 111 ล้านบาท


นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีลิคคอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ดำเนินธุุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัทคาดตัวเลขการเติบโตกาวอุตสาหกรรมในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องอุปโภค บริโภคปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกหากเทียบการเติบโตกับช่วงเดียวกันกันกับปีก่อน ซึ่งตัวเลขการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตามความต้องการของผู้บริโภคในช่วงประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน


ย้ายกำลังการผลิต


ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 60% ซึ่งเป็นตัวเลขกำลังการผลิตที่ลดลงจากสิ้นปี 2562 ที่ 70-80%สำหรับกำลังการผลิตที่ลดลงเป็นการลดลงของการผลิตกาวอุตสาหกรรมบางประเภทที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มรองเท้า เครื่องหนัง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มของการส่งออก และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้มีปัญหาเรื่องการส่งออก


ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะย้ายกำลังการผลิตกลุ่มที่หดตัว มาผลิตสินค้าในกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทขอดูทิศทางความต้องการของผู้บริโภคและสถานการณ์โควิด-19 ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากนั้นบริษัทจะปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการ


นอกจากนี้บริษัทจะ พยายามลดต้นทุนด้านการผลิต และควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุม โดยบริษัทได้เจรจากับคู่ค้าที่เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบ เพื่อหารือเรื่องต้นทุนสินค้า และให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งสองฝ่าย อีกทั้งบริษัทจะรักษาสภาพคล่อง และบริหารเงินสดให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต ซึ่ง ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 114 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยู่ที่ 111 ล้านบาท และบริษัทจะจัดการภายหในองค์กร และดูแลหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น


พิจารณาปรับเป้า


นางสาวยุวดี กล่าวต่อว่า บริษัทประเมินภาพรวมธุรกิจและผลประกอบการปี 2563 จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทจึงขอดูสถานการณ์ช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าก่อนว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากนั้นบริษัทอาจจะพิจารณาการปรับเป้าหมายรายได้ปี 2563


ทั้งนี้ต้นปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน 1.39 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมกันนี้บริษัทคาดสัดส่วนยอดขายต่างประเทศ และในประเทศจะอยู่ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ 60:40


อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยมองว่าเป็นปัจจัยระดับมหภาค ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งกลุ่มบริษัทได้เตรียมแผนรับมือหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านแผนการจัดหาวัตถุดิบ โดยมีการจัดหา Suppliers ใหม่สำรองไว้ 2-3 รายเป็นอย่างต่ำ รวมถึงบริหารจัดการกระแสเงินสดให้มีเสถียรภาพมากที่สุด ทั้งนี้พร้อมเปลี่ยนแปลงปรับตัวรับสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งด้าน supply chain, ด้านการทำตลาด รวมถึงการศึกษาโอกาสเติบโตผ่าน M&A - Joint Venture - Partnership เพื่อต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่ง

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X