> SET > GGC

05 พฤษภาคม 2020 เวลา 19:32 น.

GGC กำไร Q1 ที่ 238.64 ลบ.โตก้าวกระโดด 986%, ไบโอดีเซล B10 หนุน

ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1/63 มีกำไรสุทธิ 238.64 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 986% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 22.01 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 5,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 2,816 ล้านบาท 


โดยบริษัทมีรายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ ในไตรมาส 1/63 จำนวน 4,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% สาเหตุหลักมาจากราคาขายเมทิลเอสเทอร์ที่เพิ่มขึ้น ตามการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มดิบ และปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเมื่อพิจารณาเฉพาะปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์ที่สามารถบันทึกได้ในงบกำไรขาดทุนในไตรมาส 1/62 จำนวน 79,025 ตัน ส่งผลให้ในไตรมาส 1/63 บริษัทมีปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 22,346 ตัน หรือ 28% โดยในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 101,371 ตัน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราส่วนผสมขั้นต่ำไบโอดีเซลของรัฐบาล ตามประกาศให้ไบโอดีเซล B10 เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐาน ถึงแม้ว่ารายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กลีเซอรีนบริสุทธ์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จะปรับลดลง จากการปรับลดลงของราคาขายกลีเซอรีนบริสุทธ์ประมาณ 20% ก็ตาม 


ทั้งนี้จากปริมาณความต้องการใช้ไบโอดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้น ตามการปรับอัตราส่วนผสมขั้นต่ำไบโอดีเซล B10 ส่งผลให้การแข่งขันทางด้านส่วนลดของผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ลดความรุนแรงลง อุปทานและอุปสงค์เข้าสู่สมดุลมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ปรับตัวดีขึ้น และทำให้ EBITDA อยู่ที่ 301 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่อยู่ที่ 299 ล้านบาท 


อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ที่ปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาส 1/63 ส่งผลให้มี Stock Loss & NRV จำนวน 38 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักผลกระทบดังกล่าวแล้ว จะทำให้บริษัทมี Adjusted EBITDA จำนวน 339 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวน 319 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1,595%


นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)  หรือ GGC เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/63 มีทิศทางดีขึ้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาทจากกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการในตลาดเมทิลเอสเทอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  ในไตรมาส 1/63 บริษัทฯ สามารถขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์เป็นจำนวน 101,371 ตัน เพิ่มขึ้นจำนวน 22,346 ตัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 


แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  จะทำให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางน้อยลง แต่จากการปรับอัตราส่วนผสมขั้นต่ำในไบโอดีเซลของรัฐบาลตามการประกาศให้ไบโอดีเซล B10 เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานของประเทศไทยแทนไบโอดีเซล B7 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 และเร่งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน B10 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,953 สถานี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ทำให้ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาสนี้ยังคงสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ


อีกทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้รวมถึงประเทศไทยส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 1/63 หดตัวลงเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะที่มาตรการการปิดเมือง (Lockdown)ของหลายประเทศก็มีผลกระทบต่อภาคการขนส่ง  GGC ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการใช้ดีเซลที่ลดลงตามการเดินทางของประชาชนที่ลดลง ทำให้ปริมาณความต้องการการใช้ B100 หรือเมทิลเอสเทอร์ก็ลดลงด้วย บวกกับการที่หลายประเทศประกาศ

ใช้มาตรการปิดเมือง ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ยังประเทศคู่ค้าที่มีการประกาศปิดเมืองได้ อาทิ จีน อินเดีย และยุโรป เป็นต้น แม้ว่าบางประเทศจะกลับมาเปิดประเทศบางส่วนแล้ว แต่กำลังซื้อยังไม่กลับมามากนักส่งผลให้ความต้องการซื้อเกิดการชะลอตัวด้วย

                                

ส่วนความต้องการในตลาดแฟตตี้แอลกอฮอล์จากธรรมชาติ (Natural Fatty Alcohols)ในไตรมาส 1/2563 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองและระบบท่าเรือบางส่วนของประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น ทำให้ผู้ซื้อหลักหลายรายในประเทศจีนต้องหยุดการดำเนินการผลิตต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งไวรัสโควิด-19 ยังกระจายและแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก ส่งผลกระทบให้มีการปิดเมืองไปอีกหลายประเทศ เช่น อินเดียและผู้ซื้อจากฝั่งยุโรป  


ขณะที่ความต้องการการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการนำกลีเซอรีนไปเป็นส่วนผสมเพื่อผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แต่คาดว่าจะไม่กระทบกับตลาดโดยรวมมากนัก เนื่องจากกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นในเจลดังกล่าวเพียง 0-2% เท่านั้น แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่จะหันมาใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ (New Normal) ซึ่งนั่นก็อาจจะส่งผลให้เกิดความต้องการมากขึ้นได้


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการปรับเป้ากำลังการผลิตของเมทิลเอสเทอร์ลงมา แต่ยังอยู่เหนือระดับ 400,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตติดตั้งเมทิลเอสเทอร์ทั้ง 2 โรงงานที่ 500,000 ตันต่อปี ขณะที่แฟตตี้แอลกอฮอล์และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ยังคงตั้งเป้ากำลังการผลิตเต็ม 100 % คือ 100,000 ตันต่อปี และ 31,000 ตันต่อปี ตามลำดับ ส่วนรายได้ของปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากปัจจัยของธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ที่ตอบรับกับนโยบาย B10 ของภาครัฐบาล


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่

APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5

FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X