ทันหุ้น - สู้โควิด - บจ.หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึง GGC ว่า Q1/63 รายงานกำไรสุทธิ 239 ล้านบาท (+25% QoQ, +986% YoY) ดีกว่าคาด 15% หนุนจากมาตรการสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซล B10 ของภาครัฐ และราคาน้ำมันปาล์มดิบที่พุ่งขึ้น ทำให้มีกำไรสินค้าคงคลัง แนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 จะลดลงจากผลกระทบการ Lockdown และราคาน้ำมันปาล์มดิบที่อ่อนตัวลง
ประกาศงบ 1Q63 มีกำไรสุทธิ 239 ล้านบาท (+25% QoQ, +986% YoY) ดีกว่าคาดการณ์ของเรา 15% จากส่วนแบ่งกำไรของเงินลงทุนสูงกว่าคาด ผลประกอบการที่แข็งแกร่งหนุนจากการสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซล B10 ของภาครัฐ และราคาน้ำมันปาล์มในประเทศที่พุ่งขึ้น ทำให้มีกำไรสินค้าคงคลัง หากหักรายการพิเศษ ผลการดำเนินงานปกติทำได้ 129 ล้านบาท (+15% QoQ, +32%YoY) ภาพรวม 1Q63 1) แม้ธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) จะได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ในหลายประเทศโดยเฉพาะตลาดส่งออกหลัก เช่น จีน, อินเดีย, ยุโรป ทำให้ยอดขาย FA ลดลงเหลือ 2.1 หมื่นตัน (-15%QoQ, -16% YoY) และ EBITDA margin พลิกเป็น -9.8% (-21% QoQ, -28%YoY)
อย่างไรก็ตาม 2) ยอดขายไบโอดีเซล (ME) ปรับขึ้นเป็น 10.1 หมื่นตัน +7%YoY (แต่ -5% QoQ จากฤดูกาล) จากการเปลี่ยนแปลงเกรดน้ำมันดีเซลพื้นฐานเป็น B10 3) Adjusted EBITDA margin ของ ME สูงขึ้นเป็น 7.8% (+3% QoQ, +7% YoY) จากภาวะตลาด ME ในประเทศที่มีความสมดุลมากขึ้น ทำให้การแข่งขันด้านส่วนลดราคาขายต่ำลง 4) ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) พุ่งขึ้นเป็น 33.9 บาท/ก.ก. (+48% QoQ, +112% YoY) หนุนจากผลผลิตปาล์มในประเทศลดลง, ปริมาณสต็อก CPO ลดลง, และการสนับสนุนน้ำมันดีเซล B10-20 ของภาครัฐ ส่งผลให้มีกำไรสินค้าคงคลัง 92 ล้านบาท 4) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 ลดลง QoQ เนื่องจากคาดว่าปริมาณขายไบโอดีเซลจะลดลง QoQ เพราะเชื่อว่าผลกระทบการ Lockdown ในประเทศจะชัดเจนขึ้น อีกทั้ง ราคาน้ำมันปาล์มดิบ 2QTD ล่าสุด -32% QoQ มาอยู่ที่ 23 บาท/ก.ก. กดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอลง, การเข้าสู่ฤดูผลผลิตปาล์ม และความล่าช้าของโครงการติดตั้งมิเตอร์ควบคุมน้ำมันปาล์มของภาครัฐ ทำให้มีเสี่ยงจากการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ 2Q63 มีโอกาสขาดทุนสินค้าคงคลัง
จากเหตุผลข้างต้น เราปรับสมมติฐานปี 2563 ให้ระมัดระวังขึ้น โดยปรับ 1) ยอดขาย ME และ FA ลง 8-17% 2) ปรับ Adjusted EBITDA margin ของ ME ขึ้นเป็น 6.7% แต่ปรับลดของ FA ลงเป็น -2.2% ภายใต้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ย 28 บาท/ก.ก. ภายหลังปรับสมมติฐาน คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ลดลง 32% อยู่ที่ 582 ล้านบาท เติบโต 519% จากฐานต่ำในปีก่อน และอุปสงค์ ME ที่ได้แรงหนุนจากการผลักดันน้ำมันดีเซล B10 เป็นเกรดมาตรฐาน โดยกำไรปกติ 1Q63 คิดเป็น 27% ของคาดการณ์ทั้งปี
เราเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าหุ้นเป็น PBV ที่ 0.93x (เดิม PER 15.5x) อ้างอิงจากค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดปี 2560 -1.5SD ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ที่ 9.20 บาท ณ ราคาปัจจุบันมี Upside gain ไม่จูงใจนัก 11.5% ประกอบกับแนวโน้มงบ 2Q63 ไม่โดดเด่นจากผลกระทบการ Lockdown และโอกาสขาดทุนสต็อกน้ำมันปาล์ม จึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น TRADING (จากซื้อ) โดยนักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง เมื่อเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคาน้ำมันปาล์ม
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม