> SET > STEC

20 พฤษภาคม 2020 เวลา 08:45 น.

รับเหมาตุน3.96แสนล. STECเสี่ยงต่ำมีงานจ่อ

ทันหุ้น –สู้โควิด –กลุ่มรับเหมาตุน Backlog รวม 3.96 แสนล้านบาท รองรับรายได้อีก 2 ปีข้างหน้า ชู STEC-PYLON เด่นคาดเติบโตดี เชื่อภาครัฐเร่งกระตุ้นการเปิดประมูลหลายโครงการ ขณะที่ราคาหุ้นลดลงแรงต่ำกว่าบุ๊กแวลู แต่ความสามารถทำกำไรยังอยู่ในระดับที่ดี ด้านผู้บริหาร STEC ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 3-5-3.6 หมื่นล้านบาท


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยถึงกลุ่มรับเหมาว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปีนี้ จากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน เชื่อว่าปัญหาไวรัสจะคลี่คลายลงระดับหนึ่ง รัฐบาลต้องเข็นทุกมาตราการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หลายโครงการยังมีความหวังว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.22 แสนล้านบาท, รถไฟทางคู่เฟส 2 ช่วง จิระ-อุบล มูลค่า 36,683 ล้านบาท และช่วงขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 25,842ล้านบาท


*Backlog รวม 3.96 แสนล.


นอกจากนี้ยังมีโครงการอุโมงค์ระบายน้ำกทม. 3 เส้นทาง มูลค่า 1.2หมื่นล้านบาท, รถไฟสีแดงอ่อน มูลค่า 2หมื่นล้านบาท รันเวย์ 3 สุวรรณภูมิ 21,795 ล้านบาท และยังมีงานอาคารภาครัฐอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม อย่างเช่น ศูนย์ราชการโซน C มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ Backlog ในปัจจุบันของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ 11 แห่ง มีรวมกันที่ 3.96 แสนล้านบาท เพียงพอรองรับได้ช่วง 2 ปี ข้างหน้า


ทั้งนี้กำไรครึ่งปีแรกของบริษัทรับเหมาจะยังไม่โดเด่นเด่น โดยคาดบริษัทจะเห็นกำไรทรงตัวจากปีก่อน ได้แก่ STEC,UNIQ, SYNTEC และ SEAFCO ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีปริมาณงานในมือค่อนข้างคงที่และเป็นการทำงานต่อเนื่องจากโครงการเดิม จึงประเมินว่ารายได้และอัตรากำไรจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก


ส่วนบริษัทที่จะเห็นการเติบโต ได้แก่ PYLON, BJCHI โดย PYLON อยู่ใน Peak ของการรับรู้รายได้ในหลายโครงการ จึงทำให้เกิดการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรเต็มที่ เกิดความประหยัดต่อขนาด เช่นเดียวกัน BJCHI แม้จะมีปัจจัยกดดันจากค่าการขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


*STEC-PYLON เด่นสุด


แต่ทั้งนี้ราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันตลาดโดยรวม จนทำให้หุ้นรับเหมาส่วนใหญ่ซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี ทั้งที่หลายบริษัทมีความสามารถทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ


อย่างไรก็ดีเชื่อว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี จากตัวเลข Backlog ในมือที่ยังเพียงพอรองรับการสร้างรายได้ในช่วง 2 ปี ข้างหน้า บวกกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐจำนวนมากที่จะทยอยออกมา จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอดรับความเสี่ยงเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะ 1-2 ปี ข้างหน้า โดยให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยเลือ PYLON ราคาเป้าหมาย ที่ 7.35 บาท และ STEC ราคาเป้าหมาย 24 บาท เป็น Top Picks


ด้านนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

อย่างไรก็ดีหลังจากผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ออกมาแล้ว บริษัทยังคงยืนเป้ารายได้ปีนี้ที่ 3-5-3.6 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.2หมื่นล้านบาท และยังบริษัทเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าจะไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X