ทันหุ้น - สู้โควิด - บจ.หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึง BDMS ว่า บริษัทให้ข้อมูลแนวโน้ม 2Q63 คาดว่าจะปรับลดลง QoQ และ YoY ซึ่งใน เดือน เม.ย-พ.ค. คนไข้ต่างชาติ(สัดส่วนราว 30% ของรายได้รวม) หายเกือบหมด ขณะที่คนไข้ไทยใช้บริการลดลง จากทั้งมาตรการ lockdown และความกลัวติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งคาดว่าจำนวนคนใช้บริการในช่วงเดือน เม.ย-พ.ค. โดยรวมจะปรับลดลงราว 30-40% ส่วนแนวโน้ม 2H63 คาดว่าคนไข้จะกลับมาใช้บริการมากขึ้น หลังภาครัฐเริ่มผ่อนปรนมาตรการ Lockdown หลังจำนวนผู้ติดเชื่อเพิ่มในอัตราที่ลดลง

บริษัทมีการปรับใช้กลยุทธ์ควบคุมค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เดือน มี.ค ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำได้ดี อาทิ การลดค่าใช้จ่าย ฝึกอบรม การลดพนักงานพาร์ทไทม์ ลดโอที การให้พนักงาน leave without pay ในช่วงเดือน เม.ย - พ.ค. และ เจรจาขอลดค่า minimum guarantee จากแพทย์ และลดค่าใช้จ่ายการตลาด ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะประหยัดต้นทุนได้ราว 2 พันล้านบาท หรือราว 3% ของรายได้ในปีนี้

บริษัทปรับลดเป้ารายได้ จากเดิมมองโต 3-4% เป็น ติดลบ 10-12% และ EBITDA Margin คาดว่าจะอยู่ที่ราว 20% ลดลงจากเป้าเดิมที่ 22%

ภาพระยะกลางถึงยาวพยามเพิ่มสัดส่วนลูกค้าประกันมากขึ้น ขณะที่บทเรียนจาก COVID-19 มองว่าประชาชนจะให้ความสนใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อครัวเรือนจะเพิ่มมากขึ้น เป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล

ผลกระทบ IFRS16 ใน 1Q63 ที่ 20 ล้านบาท ทั้งปีประมาณผลกระทบราว 100 ล้านบาท

แนวโน้ม 2Q63 เราคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี ซึ่งบริษัทจะรับผลกระทบมากขึ้นจากมาตรการ Lockdown อันเกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้ รพ.ในเครือที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูง อาทิ รพ.กรุงเทพ สาขา พัทยา และภูเก็ต มีรายได้ หายไป 40-50%YoY อย่างไรก็ตามเราคาดว่าสถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะเริ่มฟื้นตัว หลังรัฐบาลมีการผ่อนปรนมาตรการ lockdown ภาพรวมปี 2563 เราประมาณการกำไรปกติที่ 8,441 ล้านบาท ปรับลดลง 16%YoY

เราคงคำแนะนำ "เก็งกำไร" เรามองว่าผลประกอบการของ BDMS ใกล้ผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63 และหากบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีตามเป้าที่วางไว้ เรามองว่ามี Upside risk ในการปรับเพิ่มประมาณการ เบื้องต้นเราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 20.50 บาท อิงวิธี DCF ที่ส่วนลด WACC ที่ 7%