> SET > STA

22 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:30 น.

STAมาร์จิ้นเด้งได้อีก ถุงมือยางIPOจะร้อน

ทันหุ้น-สู้โควิด- STA ลั่น มาร์จิ้นยังทุบสถิติได้อีก หลังออเดอร์เข้าหาต่อเนื่อง ทั้งยางธรรมชาติ และถุงมือยาง ชี้มาร์จิ้นยางธรรมชาติพุ่งทุบสถิติมีแนวโน้มไปต่อเหตุคู่แข่งหาย ทำให้แชร์พุ่ง ขณะที่ถุงมือยางความต้องการล้นถึงกลางปีหน้า ปรับราคาขึ้น 10-15% ต่อไตรมาส พร้อมนับถอยหลังนำธุรกิจถุงมือยาง STGT เข้าตลาด ก.ค.นี้ โบรกเพิ่มเป้าแตะ 39.90 บ.


ปรากฎการณ์การวิ่งทะยานอย่างแรงของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STAหลักๆ เกิดจากผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ที่ทะยานแรง โดยกำไรแตะ 854.15 ล้านบาทเกินคาดของนักวิเคราะห์ จากความต้องการถุงมือยางที่สูงมาก  ที่น่าสนใจคืออัตรากำไรขั้นต้นของ STA ไตรมาส 1/2563 ได้ทำสถิติ 14.1% โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่มาจากธุรกิจกลางน้ำยางแผ่น ยางแท่ง 11.6% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจถุงมือยางวิ่งไปแตะถึง 23.1%


นางสาวทิพย์วดี สุดเวหา ผู้จัดการกลุ่มงานนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยว่า กำไรขั้นต้นของบริษัทที่ออกมามาดีทั้งยางธรรมชาติและถุงมือยาง โดยในส่วนของยางธรรมชาติภาพรวมตลาดอาจจะลดลง 15% กล่าวคือ ก้อนเค้กเล็กลง แต่สำหรับ STA สามารถที่จะมีส่วนแบ่งในเค้กที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก STA นับเป็นหนึ่งในไม่กี่รายของผู้ผลิตยางที่มีสภาพคล่องดี สถาบันการเงินไว้วางใจในการปล่อยกู้โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 และลดดอกเบี้ยให้ ทำให้ออเดอร์ไหลเข้ามาที่บริษัทค่อนข้างมาก


“จริงอยู่ที่ตลาดหดตัวลง และราคายางในตลาด SICOM และ TOCOM ก็ไม่ได้สูง แต่ด้วยการที่มีผู้ประกอบการยางขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องวันนี้เหลือไม่เยอะ เพียง 2 ราย จาก 5 รายใหญ่ ทำให้ลูกค้าส่งออเดอร์เข้ามาทาง STA ค่อนข้างมาก ด้วยการแข่งขันที่น้อย และลูกค้าต้องการความไว้วางใจว่าจะส่งยางได้ ก็ได้มีการให้ราคาพรีเมี่ยม”


ซึ่งแนวโน้มไตรมาส 2 ของบริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 10-12% ได้ เพราะมองว่าคู่แข่งไม่ได้กลับมาง่ายๆ ในช่วงโควิด และขณะนี้มีคำสั่งซื้อในส่วนของยางธรรมชาติไปถึงเดือนสิงหาคมแล้ว


@ ถุงมือยางขึ้นราคาต่อเนื่อง


ส่วนถุงมือยางไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีอัตรากำไรขั้นต้น 23.1% ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเยอะ ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั้งทางการแพทย์และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่การแพทย์ ที่มีความต้องการถุงมือยางที่สูง และก็ได้มีการออฟเฟอร์ในการปรับเพิ่มราคาขึ้นให้กับบริษัท พร้อมกันนี้ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามายาวถึงกลางปีหน้าแล้ว ซึ่งบริษัทได้มีการปรับราคา 10-15% ต่อไตรมาส


“ความต้องการถุงมือยางทั่วโลกขณะนี้สูงกว่าซัพพลายเยอะ ส่วนจะเป็นไปอีกนานแค่ไหน ตอนี้มั่นใจว่า ครึ่งแรกปี 2564 ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ เพราะทุกคนยังคงป้องกัน และหลายธุรกิจก็หันมาใช้ถุงมือจากเดิมที่สัดส่วนไม่ใช่การแพทย์ใช้ราว 10-15% แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนที่ไม่ใช่การแพทย์ใช้ถึง 30% และจะเพิ่มเป็น 40% ในอนาคต”


ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจถุงมือยางอยู่ โดยเตรียมเดินหน้านำ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตถุงมือยางเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบัน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแล้ว และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ กรกฎาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการโรคโชว์สถาบันต่างๆ บ้างแล้ว มีผลตอบรับที่ดี และเตรียมที่จะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน 26 พฤษภาคมนี้


อย่างไรก็ดีผู้ที่ถือ STA นั้น จะไม่ได้ถูกจัดสรรหุ้น STGT ให้ ต้องไปซื้อตามปกติ เนื่องจากบริษัทได้มีการจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ การให้สิทธิผู้ถือหุ้น STA ซื้อหุ้น STGT จะต้องทำเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลจะทำให้การขยายธุรกิจล่าช้า ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางเป็น 3.3 หมื่นล้านชิ้นต่อปี เมื่อมีนาคม 2563 ตั้งเป้ากรขยายเฟส 3 เป็น 5 หมื่นล้านชิ้นปี 2567 และ 7 หมื่นล้านชึ้นปี 2571 และ 1 แสนล้านชิ้นปี 2575


@เพิ่มเป้าแตะ 39.90 บ.


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส2 /2563 ซึ่งคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีกําไรแข็งแกร่งอีกไตรมาสหนึ่งจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นทั้งธุรกิจยางธรรมชาติ และธุรกิจถุงมือยาง โดยธุรกิจถุงมือยางจะมีการปรับราคาขายเฉลี่ยที่น่าจะเพิ่มขึ้น 5% ทุกเดือน นอกจากนี้ STA ยังมีอํานาจการต่อรองที่แข็งแกร่งในการซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรในประเทศอีกด้วย


เนื่องจากคู่แข่งรายใหญ่อื่นๆได้ยุติการดําเนินงานไปในปีที่แล้ว ดังนั้น เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกําไรใน 2Q20 และคิดว่ากําไรใน 2Q20 จะออกมาดีกว่ากําไรใน 1Q20 ที่ 854 ล้านบาท พร้อมกับเราปรับประมาณการกําไรสําหรับปี 2563 ขึ้นอีก 88% จากผลการดําเนินงานของธุรกิจถุงมือยางในไตรมาส1/2563 ที่ออกมาดีกว่าคาด และแนวโน้มการเติบโตที่ดี คงคําแนะนํา ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 39.90 บาท อิงวิธี SOTP สําหรับธุรกิจยางธรรมชาติเราใช้ PE 2020F ที่ 10 เท่า ซึ่งตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ของหุ้นเพียงเล็กน้อยที่13 เท่า สําหรับธุรกิจถุงมือยาง เราใช้PE 2020F ที่ 23 เท่า ซึ่งสูงกว่า PE ย้อนหลัง 5 ปี ของคู่แข่งเล็กน้อย (บริษัท Kossan Rubber Industries) ที่ 21 เท่า

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X