ทันหุ้น – สู้โควิด - BTWจ้องโกยงานในบ้านเพียบ ดันสัดส่วนรายได้เพิ่มแตะ 70% จากปีก่อนที่ 50% ใส่เกียร์ปั๊มผลงานปีนี้เทิร์นอะราวน์ หลังโชว์ฝีมือไตรมาสแรกพลิกกำไร 12.66 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่ 1.44 พันล้านบาท ตุนแบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 1.47 ล้านบาท จ่อบุ๊กช่วงที่เหลือพันล้านบาท

นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าดันผลประกอบการปีนี้ให้กลับมาเทิร์นอะราวน์ หรือพลิกเป็นบวก จากสิ้นปีก่อนที่ขาดทุน 197.72 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2563 บริษัทสามารถพลิกมีกำไรแล้ว 12.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนขาดทุน 25.19 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นเท่ากับ 38.85 ล้านบาท หรือ 148.33%

แบ็กล็อก 1.4 พันล.

ขณะที่บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 1/2563 จำนวน 447.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าและกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม

ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog ทั้งสิ้น 1.47 พันล้านบาท ประกอบไปด้วยหลายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2562 ที่ผ่านมา เช่น งานโครงการผลิตโครงสร้างเหล็ก งานประกอบท่อโลหะสายไฟและอุปกรณ์เป็นโมดูลเพื่อขนส่งไปประกอบเป็นโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งขิงโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ และงานแปรรูปชิ้นงานเหล็กสำหรับโครงสร้างและระบบท่อความดันของเครื่องกำเนิดไอน้ำสำหรับโรงไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา

รวมถึงโครงการแปรรูปชิ้นงานเหล็กสำหรับโครงสร้างและระบบท่อความดันของเครื่องกำเนิดไอน้ำสำหรับโรงไฟฟ้าในประเทศบังคลาเทศ เป็นค้น โดยบริษัทจะทยอยส่งมอบงานให้กับลูกค้าในช่วงที่เหลืออีกประมาณ 1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินทิศทางธุรกิจปีนี้จะกลับมาฟื้นตัวดีเมื่อเทียบกับยปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม

โกยงานในบ้านอื้อ

นอกจากนี้บริษัทจะเน้นการรับงานในประเทศมากขึ้น เนื่องจากมีงานโครงการใหญ่ออกมาในปีนี้ ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่า หากรับงานต่างประเทศมากไป อาจะส่งผลให้บริษัทขาดทุนจาดอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมกันนี้บริษัทคาดสัดส่วนรายได้ในประเทศปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาแตะ 70% และงานต่างประเทศจะอยู่ที่ 30% จากปีก่อนสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50:50

นายโชติก กล่าวต่อว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะทำได้สูงกว่าปีก่อนที่ 1.44 พันล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีงานโครงการใหญ่ที่รอส่งมอบ ซึ่งบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog 1.47 พันล้านบาท และรวมงานใหญ่อยู่ใน Backlog นี้แล้ว และบริษัทมองช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีงานออกมาให้ประมูลอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

ทั้งนี้ผู้ประกอบกับหันมาสนใจผู้ผลิตในแถบเอเชีย รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากจีนประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และไม่สามารถผลิตสินค้า และส่งมอบสินค้าได้ ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการรับงานจากลูกค้าที่หันมาโฟกัสผู้ผลิตในประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตามบริษัทจะดำเนินการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกส่วนงาน และคาดว่าการลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนรายได้ กำไรของบริษัทให้เกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งบริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด