ทันหุ้น - สู้โควิด - บล.โกลเบล็ก สแกนหุ้น MGT คาดรายได้ปีนี้ที่ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9%  ส่วนกำไรสุทธิ 75.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% คาดอัตราปันผลราว 5.4% แนะนำ “ซื้อ” เคาะราคาเหมาะสม 2.66 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS แนะนำ “ซื้อ” MGT ราคาเหมาะสม 2.66 บาท กำไรสุทธิปีไตรมาส 1/63 เติบโตโดดเด่น เพิ่มขึ้น 21.0% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 27.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยงวด ไตรมาส 1/63 บริษัทรายได้จากการดำเนินงาน 194.7 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 21.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้ผลบวกจากบริษัทย่อย Mega chem Plus ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีการนำแอลกอฮอล์แปลงสภาพไปใช้ผลิตเจลล้างมือ และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

มาร์จิ้นดีขึ้นที่ 33.8%

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 33.8% ดีขึ้นกว่าที่ระดับ 33.0% ในไตรมาสก่อน และ 28.8% ใน 1Q19 ตามต้นทุนนำเข้าสารเคมีที่ต่ำลง ส่งผลให้รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q20 เท่ากับ 24.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 27.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะ ลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และ อุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยบริษัทได้เตรียมทบทวนเป้ารายได้ปี 63 จากเดิมคาดมีรายได้ 950 ล้านบาท หลังสิ้นสุดไตรมาส 2

อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการรายได้ปี 2563 ไว้ที่ระดับ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 20 เท่ากับ 75.6 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลประกอบการไตรมาส 1/63 คิดเป็น 32.9% ของประมาณการทั้งปีของเรา

เคาะเป้า 2.66 บ.

สำหรับความคืบหน้าของโครงการผลิตกราไฟต์กับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น (MGT ถือหุ้น 49%)  ภายใต้บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟต์ จำกัด เพื่อขยายไปยังธุรกิจวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย Expand Graphite คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ราวกลางปีหน้า นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมเป็นเป็นคู่ค้ากับ กฟภ. ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนศึกษาประเภทธุรกิจและสินค้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/63

ดังนั้นประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 14 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 2.66 บาท โดยมี Upside จากปัจจุบันราว 43.0% พร้อมคาด Dividend Yield ปี 2563 ราว 5.4% คงคำแนะนำ “ซื้อ”