ทันหุ้น-สู้โควิด : โบรกเกอร์ประเมินหุ้น CRC ในระยะสั้นถูกกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงคาดว่าในปีนี้ผลประกอบการไม่สดใส แต่ในปีหน้ามีแนวโน้มกลับมามีทิศทางที่ดี และมองว่าเป็นหุ้นที่มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง และสามารถให้บริการลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 43 บาทต่อหุ้น
บล.เอเซีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC โดยให้ราคาเป้าหมายในปี 2564 ที่ 43 บาทต่อหุ้น แม้ธุรกิจยังคงถูกกดดันด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมไปถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าต้องปิดดำเนินการชั่วคราวตามคำประกาศของรัฐบาล กดดันผลประกอบการไตรมาส 2/63
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าธุรกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสินค้ายังครอบคลุมธุรกิจหลายประเภท ได้แก่ อาหาร ฮาร์ดไลน์ และแฟชั่น นอกจากนี้บริษัทยังประกอบธุรกิจในหลายประเทศ
ในปี 2563 คาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 โดยบริษัทมีแผนลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น เน้นลงทุนเพื่ออนาคตระยะยาว รวมถึงพัฒนาระบบ Omni Channel โดยสัดส่วนการขายออนไลน์ในช่วงไตรมาส 1/63 คิดเป็น 5% ของยอดขายรวม เติบโต 93%
ทั้งนี้บริษัทมองว่า Omni Channel มีบทบาทสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็น 10% ภายในปี 2563 เนื่องจากในช่วงล็อคดาวน์เมืองที่ผ่านมา ยอดขายผ่าน Omni Channel สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ถึง 30-40% ของยอดขายปกติ นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ ได้แก่ โรบินสัน ไทวัสดุ และ GO! Mall พร้อมให้ความสำคัญกับ Multi-Format, Multi-Category และ Multi-Country
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 คาดว่าชะลอตัวจากมาตรการล็อคดาวน์เมืองในช่วงที่ผ่านมาทั้งในไทยและอิตาลี โดยไทยมีการประกาศปิดห้างสรรพสินค้าตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. และเปิดในวันที่ 17 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา (รวมระยะเวลา 56 วัน) ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าในเครือ CRC ต้องปิดดำเนินการธุรกิจแฟชั่นและฮาร์ดไลน์ชั่วคราว ขณะที่ธุรกิจอาหารยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 63 บริษัทประกาศปิดให้บริการห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเตชั่วคราว จำนวน 9 สาขาในประเทศอิตาลี และเปิด 18 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา (รวมระยะเวลา 67 วัน) เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนักในประเทศอิตาลี ซึ่งคิดเป็น 7% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลุ่มอาหาร (Tops Supermarket Central Food Hall และ Family Mart) และการขายสินค้าผ่านทาง Omni Channel จะช่วยชะลอการหดตัวของรายได้รวม โดยสัดส่วนรายได้ธุรกิจแฟชั่น ฮาร์ดไลน์ อาหาร และอื่น ๆ คิดเป็น 32% 25% 39% และ 4% ตามลำดับ
ฝ่ายวิจัย คาดว่ารายได้รวมปี 2563 และ 2564 อยู่ที่ 205,856 ล้านบาท และ 220,776 ล้านบาท ตามลำดับ และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ลดลง 63% อยู่ที่ 3,978 ล้านบาท ประเมินอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 27% เนื่องจากปี 2563 คาดว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดให้บริการร้านค้าของธุรกิจแฟชั่นและฮาร์ดไลน์เป็นการชั่วคราว ซึ่งคิดเป็น 90% ของร้านค้าทั้งหมด เป็นระยะเวลา 56 วัน
และประเมินกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มขึ้น 86% อยู่ที่ 7,385 ล้านบาท ประเมินอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29% โดยคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2564 เป็นต้นไป
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม