ทันหุ้น –สู้โควิด –MEGA รับอานิสงส์ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น เผยยอดขายวิตามิน–ยา พุ่งแรง มั่นใจรายได้ปีนี้ เติบโตที่ 5-10% เผยโรงงานบางปูใกล้เสร็จ เล็งขยายฐานต่างแดน โฟกัส มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา ฟากโบรกชอบแผนธุรกิจที่จะเน้นสร้างการเติบโตในประเทศกำลังพัฒนามีการแข่งขันไม่รุนแรง แนะนำ ซื้อ คงราคาเป้าหมาย 36.00 บาท

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผยว่า รายได้ปี 2563 คาดว่าจะเติบโตที่ 5-10% หรือเติบโตเป็น Single Digit ขึ้นไป เนื่องจากยอดขายมีแนวโน้มเติบโตในกลุ่มของอาหารเสริม ทั้งวิตามินซี วิตามินดี นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยาที่บริษัทจำหน่ายอยู่มีโรงพยาบาลในหลายๆ ประเทศ ต้องการสต๊อกยาเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงบริษัทได้มีการกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศ มากขึ้น เช่นมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา เป็นต้น ที่มีการเติบโตทั้งธุรกิจยาและธุรกิจอาหารรวมถึงธุรกิจคอสเมติก

โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มธุรกิจยาและอาหารเสริมจาก 2 แบรนด์หลัก คือ Mega We Care และ Maxxcare (ขายใน 3 ประเทศเมียนมา, เวียดนาม, กัมพูชา) โดยสิ้นสุด ไตรมาส 1/2563 สัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 46% และ 52% ตามลำดับ และที่เหลือมาจากธุรกิจ OEM และหากแบ่งสัดส่วนยอดขายมาจากต่างประเทศ 70% ในประเทศ 30% โดยบริษัทจำหน่ายใน 33 ประเทศทั่วโลก

*โรงงานบางปูใกล้เสร็จ

“สำหรับที่ผ่านมาผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 ก็ถือว่าได้รับผลกระทบในส่วนของประเทศที่ Lock down

ทำให้ยอดขายชะลอตัว รวมถึงมีการปิดห้างสรรพสินค้า ซึ่งบริษัทพยายามบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดีถือว่า ธุรกิจยา วิตามิน มีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ” นายวิเวก กล่าว

สำหรับความคืบหน้าของการดำเนินโรงงานบางปู มูลค่าประมาณ 510 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตแบบจัดทำภายใน คาดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่งโดยคาดว่าจะสามารถเปิดใช้ได้ในปี 2564 ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้แล้วบางส่วน เช่น คลังสินค้า (Warehouse), ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D)

ด้านการลงทุนโรงงานยาในเมียนมา ซึ่งจะทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในช่วงการประกาศงบไตรมาส 2/2563 ส่วนการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเกดิสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเจรจาล่าช้าออกไป

*เคาะเป้าซื้อ 36 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MEGA ว่าชอบแผนธุรกิจของบริษัทที่จะเน้นสร้างการเติบโตในประเทศกำลังพัฒนาที่มีการแข่งขันไม่รุนแรง ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมาย DCF ไว้ที่ 36.00 บาท รายได้ของ MEGA เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 19.0%  จากปีก่อน ในไตรมาส 1/2563 จากการที่รายได้จากการจัดจำหน่ายในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่ MEGA สร้างศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองขึ้นมาที่เมียนยมาในครึ่งปีหลัง 2561 รายได้จากการจัดจำหน่ายสินค้าในเมียนมาร์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โดยรายได้จากเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็น 75.5% ของรายได้รวมของ Maxxcare (MC) ในไตรมาส 1/2563 จาก 68.7% ในไตรมาส 2/2562 คาดว่าแนวโน้มจะยังคงเป็นบวกเช่นนี้ต่อไปเพราะบริษัทไม่เพียงแต่มีความสามารถเพียงพอที่จะเติบโตต่อได้ อีกทั้งศักยภาพการเติบโตของธุรกิจบริการช่วยขยายตลาด (market expansion service) ในเมียนมาร์ เองก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ส่วนรายได้ของ Mega We Care (MWC) เพิ่มขึ้น 13.5% YoY ในไตรมาส 1/2563 โดย MEGA แจ้งว่าเป็นเพราะอุปสงค์เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทยและเมียนมา คาดว่าสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อรายได้จากแบรนด์ของ MEGA ไม่มากนัก เพราะร้านขายยาทั่วไปยังได้รับอนุญาตให้เปิดขายได้ นอกจากนี้ รายได้ของ MWC ในปี 2563 ยังจะได้แรงหนุนจาก FUTAMED ซึ่งเป็นผู้ผลิต ยาและโภชนเภสัชในอินโดนีเซีย

ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ปีนีที่ 7.5% ยังมี Upside อีกจากรายได้ของ MC ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิมเนื่องจากคาดว่าผลจากรายได้ที่สูงขึ้นของ MC อาจจะถูกหักล้างด้วย อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) รวม ที่อาจจะต่ำกว่าที่คาดไว้

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1