ทันหุ้น-สู้โควิด- ครม.อนุมัติ 3 โครงการ 2.2 หมื่นล้าน ดันเที่ยว ทั้งให้ 2 พันบาทแพทย์ สนับสนุนค่าที่พักประชาชน 40% บวกเงินอีก 600 บาท ออกค่าตั๋วเดินทางให้อีก40% ด้าน CENTEL ชี้ช่วยกระตุ้นจัดแพ็คเสริมรับ ทั้งเพิ่มมูลค่าในเงินคูปองอีก 50% และลดราคาที่พัก คาดไตรมาส3 ยอดเข้าพัก 30% ก่อนถีบตัวขึ้นเป็น 50% ทั้งปีใกล้เคียงจุดคุ้มทุน 50%

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่าน 3 โครงการสำคัญ งบประมาณรวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการกำลังใจ สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมประมาณ 1.2 ล้านคน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินค่าเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวไม่เกินคนละ 2,000 บาท มีเงื่อนไขว่าต้องเดินทางท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท

โครงการเราไปเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พัก-โรงแรมในอัตรา 40% ของราคาค่าห้องต่อคืน แต่สูงสุดไม่เกินคืนละ 3,000 บาท รวมทั้งสนับสนุนเงินอีก 600 บาท/ห้องพัก/คืนผ่านการลงทะเบียนจากแอพพลิเคชั่น"เป๋าตัง"ไม่เกิน 5 คืน เป็นค่าใช้จ่ายและค่าอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นที่ผู้ใช้สิทธิไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งในส่วนนี้จะใช้งบประมาณ 18,000 ล้านบาท โครงการสาม คือ เที่ยวปันสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการเดินทางของประชาชนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ผ่านการจำหน่ายบัตรโดยสารของผู้ประกอบการขนส่ง สายการบิน รถขนส่งไม่ประจำทาง และรถเช่า โดยรัฐจะสนับสนุนในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงกันระหว่างโครงการเที่ยวปันสุข กับโครงการเราไปเที่ยวด้วยกัน โดยถ้ามีการจองห้องพักในโครงการเราไปเที่ยวด้วยกัน จะได้รับสิทธิจองบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับในประเทศ ในราคา 2,500 บาทอีก 1 สิทธิด้วย สำหรับระยะเวลาโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.63 โดยจะต้องลงทะเบียนการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย (KTB)

@CENTELดันแพ็คเก็จตาม

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า การออกแพ็คเก็จในไตรมาส 3 นับเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นที่ดี ซึ่งบริษัทได้ออกโปรโมชั่นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยในส่วนของบุคคลกรทางการแพทย์ มีการออกแพ็คเก็จ Help the Heroes ด้วยการให้สิทธิพิเศษซื้อคูปองเงินสด และจะเพิ่มมูลค่าหน้าคูปองเพิ่มอีก 50% โดย 25% จะเป็นการให้มูลค่าเพิ่มโดยตรงแก่ผู้พัก ส่วนอีก 25% จะเป็นเงินที่จะไว้ช่วยเหลือสังคม

และแพ็คเก็จ Stronger Together สำหรับประชาชนทั่วไป จะเป็นแพ็คเก็จให้สิทธิในการเข้าพักโรงแรมด้วยราคาคุ้มค่า ฟรีไวไฟ เด็กเข้าพักได้ 2 คน พักทั้งแฟมมิลี่สวีท หรือ พูลวิลล่า โดยในส่วนของโรงแรม 5 ดาว จะให้เข้าพักได้ในราคา 3,120 บาท จากราคา 3900 บาท เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และยังมีราคา 2,240 บาท จาก 2,800 บาท ลาดพร้าว กระบี อ่าวนาว สมุย พัทยา เชียงใหม่ ระยอง สำหรับห้องพักราคา 1700 บาท ก็จะเหลือราคา 1360 บาท เช่น ศูนย์ราชการ เซ็นทรา จอมเทียน เกาะช้าง อุดรฯ และยังมีราคา 960 บาท จาก 1200 บาท ที่ พัทยา ซันไรซา โคซี่ สมุย จองช่วงนี้พักถึง 30 พ.ย. ปีหน้า

@ส.ค.เปิดโรงแรมครบ

นายรณชิต ระบุด้วยว่า สำหรับเกณฑ์การพิจารณากลับมาเปิดโรงแรม ทางกลุ่มพิจารณาต้องมีอัตราเข้าพัก 30% ซึ่งช่วงโควิดระบาดได้เปิดดำเนินโรงแรมแค่ 2 แห่ง แต่กลางเดือนที่ผ่านมาได้ทยอยเปิด พัทยา ระยอง ซึ่งยอดผู้พักสุดสัปดาห์สูงมาก และ 1 กรกฎาคมนี้จะเปิดเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง โดยจะเปิดมัลดีฟเป็นแห่งสุดท้ายเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ประเมินว่าไตรมาส 3 อัตราการเข้าพัก 30% และจะกลับมาสูงขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 4 เฉลี่ย 50% อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 1 บริษัทมีอัตราเข้าพักราว 70% และไตรมาส 2 อัตราเข้าพักในตัวเลขหลักเดียว ดังนั้นเมื่อประเมินแล้วเชื่อว่าทั้งปีจะมีอัตราเช้าพักใกล้เคียง 50% ซึ่งเป็นบริเวณจุดคุ้มทุนพอดี อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีมีแคชโฟลว์ที่จะรองรับหากมีการกลับมาระบาดของโควิด-19

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า ไมเนอร์มีแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยที่ออกมา เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้จ่าย ขณะที่ประเทศอื่นๆก็ได้ออกมาตรการเช่นกัน อาทิ เวียดนามออกแคมเปญลดราคาโรงแรม-ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน ไต้หวัน ช่วยสมทบทุนธุรกิจภาคการท่องเที่ยว รวมถึงลดค่าสาธารณูปโภค ส่วนนอร์เวย์ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร ที่พัก กิจกรรมทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้