> SET > ASIAN

26 มิถุนายน 2020 เวลา 16:10 น.

ASIAN ยิ้มออเดอร์ล้นมือ จับตาโค้ง2กำไรพุ่ง405%


ทันหุ้น - ASIAN ครึ่งแรกปีผลงานเด่นออเดอร์ไทย-ต่างประเทศไหลเข้า จับตาดูนโยบายผ่อนปรนการเดินทางและขนส่งเอื้อการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังได้ พร้อมคงเป้ารายได้ปี 2563 โต 10%ด้านโค้ง 2/2563 เชื่อผลงานแรงดีไม่ตก 


นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 จะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) ที่ขยายตัวได้ดีในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับจากการปิดประเทศ (Lock down) ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการเริ่มสั่งสินค้า (ออเดอร์) เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้


ปัจจุบันลูกค้าเริ่มทยอยส่งออเดอร์อาหารสัตว์เลี้ยงเข้ามาบ้างแล้ว ซึ่งในส่วนของธุรกิจนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง ด้านทูน่าก็เช่นเดียวกันลูกค้ายังคงมีการทยอยส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาหารแช่แข็ง (Frozen food) มีทิศทางที่ดีปัจจุบันจากคำสั่งซื้อใหม่ที่รับเพิ่มเข้ามาส่งผลทำให้กำลังการผลิตในปัจจุบันใกล้เต็มอัตราแล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ปลาหมึกต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมามีการชะลอตัวลง แต่ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563 เริ่มเห็นสัญญาณคำสั่งซื้อโดยเฉพาะจากลูกค้าในยุโรปกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าจะดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้


ส่วนอาหารสัตว์เลี้ยงนั้นมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกปี เนื่องจากการปลดล็อกดาวน์ของภาครัฐ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการมีการเลี้ยงกุ้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น สะท้อนต่อความต้องการซื้อในกลุ่มดังกล่าว


สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทประเมินว่าน่าจะยังมีทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากแนวโน้มคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Frozen food และอาหารสัตว์เลี้ยง ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศยังให้การตอบรับที่ดีจากทั้งฐานลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ ทั้งนี้ หากว่าสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่คลี่คลายลงได้ การปลดล็อกดาวน์การเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ก็จะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ล็อตใหม่จากกลุ่มลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม


อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563จะเป็นไปตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,330.82 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 132.70 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือนโยบายการปิดประเทศและหยุดกิจกรรมต่างๆ ทางธุรกิจทุกประเภทจะทำให้บริษัทไม่สามารถเดินเครื่องผลิตและส่งสินค้าให้กับลูกค้าในต่างประเทศได้ตามเท่าที่ควรจะเป็น


ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2563 นั้น เบื้องต้นอาจเป็นเพียงการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางการผลิต ส่วนการลงทุนเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) หรือการร่วมทุน (JV) อาจชะลอแผนไปก่อนเพื่อรอให้สถานการณ์มีความเหมาะสมต่อการลงทุน และคาดว่าจะเริ่มกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้งในปี 2564 เป็นต้นไป เช่นเดียวกันกับแผนการขยายตลาดต่างประเทศที่อาจจะต้องรอให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติก่อน ระหว่างนี้จะเป็นเพียงการทำการค้ากับกลุ่มลูกค้าเดิมไปก่อน


โค้ง2แรงไม่ตก

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ทางฝ่ายปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.70 บาท อิงปี 2563 PER ที่ 12.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ปรับเพิ่มจากเดิมที่ 5.00บาทจากการปรับกำไรขึ้น โดยการกักตุนสำรองอาหารจากภาคครัวเรือนช่วยชดเชยความต้องการภาคร้านอาหารและโรงแรมที่ลดลง ทางฝ่ายมองแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 2/2563แข็งแรงขึ้นจากไตรมาส 1/2563เพราะความต้องการสำรองอาหารสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนจากผลการ lock down เนื่องจากไวรัสโควิด-19


โดยในเบื้องต้นทางฝ่ายคาดกำไรไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 405% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ เติบโต 6%จากไตรมาสก่อนหน้า จากผลของการ Stay home, การพัฒนาอาหารแช่แข็งให้เป็น value added มากขึ้น รวมถึงความต้องการอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มดีขึ้น


ทั้งนี้ จากแนวโน้มที่ดีในช่วงครึ่งแรกปี 2563ทางฝ่ายคาดว่าผลประกอบการในปี 2563 จะอยู่ที่ 292 ล้านบาท เติบโต 119%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ปรับเพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 217 ล้านบาท เพราะปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 9% เป็น 10.0% รวมถึงปรับยอดขายอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 7% เป็นประมาณ 3.1 พันล้านบาท จากเดิมที่ 2.9 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนการที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเริ่มเป็นที่รู้จักจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้รวมถึงการสามารถปรับปรุง debottleneck ในขบวนการผลิตได้


อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น และ outperform SET เพิ่มขึ้น 46% ใน 1เดือนเพราะแนวโน้มความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดี ปัจจุบัน ASIAN เทรดที่ปี 2563 PER ที่ 12เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 12.5 เท่า โดยมี key catalyst คือ แนวโน้มไตรมาส 2/2563 ยังเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 ขณะที่ความเสี่ยง คือ ความผันผวนของยอดขายและอัตรากำไรของอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งอาจจะลดลงได้หลังการสำรองอาหารน้อยลงหลังภาวะโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงในครึ่งปีหลัง

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X