ทันหุ้น – สู้โควิด – ททท. ดันแพ็คเกจท่องเที่ยว “เราไปเที่ยวกัน-เที่ยวปันสุข” เข้าครม.อังคารนี้ ชวนประชาชนโหลดแอป "เป๋าตัง” รอขอรับสิทธิ์ย้ำมีเพียง 1 ล้านสิทธิเท่านั้น คาดเปิดให้ลงทะเบียนครึ่งแรกเดือนกรกฎาคมนี้ เข้าทาง CENTEL-AAV จัดทัพรอ พร้อมอัดโปรโมชั่นดึงดูดนักท่องเที่ยว เชื่อกระตุ้นท่องเที่ยวไตรมาส 3/2563 ได้ดี

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยรายละเอียดการรับสิทธิ์ ตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการ "เราไปเที่ยวกัน" และ "เที่ยวปันสุข" ว่า ประชาชนจะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธ์ผ่านแอพพลิเคชั่น (Application) แพลตฟอร์มซึ่ง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็นผู้ดำเนินการแล้วเสร็จกว่า 80% ซึ่งหากผ่านมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 30 มิถุนายนนี้จะเร่งหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อทำความเข้าในขั้นตอนการใช้งาน ก่อนเปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อขอรับสิทธ์ภายในครึ่งแรกของเดือนกรกฏาคม 2563 โดยจะต้องใช้สิทธ์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563

แพ็คเกจ “เราไปเที่ยวกัน” รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก ในลักษณะร่วมจ่าย จํานวน 5 ล้านคืน ในอัตรา 40% ของค่าห้องพักแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน พร้อมจ่ายอี-วอลเชอร์ ผ่านแอปเป๋าตัง 600 บาทต่อคืน(สูงสุดไม่เกิน 5 คืน) เพื่อนำไปใช้เป็นค่าอาหาร ค่าใช้บริการในแหล่งท่องเที่ยวโดยประชาชนจะสามารถลงทะเบียนได้จำนวน 2 สิทธิ์ คือของตนเอง และผู้อื่นอีก 1 คน ที่มีแผนเดินทางไปด้วยกัน โดยเลือกที่พักเดียวกัน และในช่วงเวลาเดินทางเหมือนๆ กัน เพื่อให้สะดวกต่อการลงทะเบียน

แพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” รัฐบาลจะจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินสายการบินต้นทุนต่ำค่ารถเช่า 40% จากราคาเต็ม สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

นอกจากโครงการ “เที่ยวปันสุข” และ “เราไปเที่ยวกัน” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นแพ็กเกจที่ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนได้แล้ว รัฐบาลยังได้อนุมัติโครงการ “กำลังใจ” สำหรับบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย

*CENTEL จัดโปรโมชั่นรอ

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า การออกแพ็คเก็จกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 3/2563 ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเนื่องจากเป็นช่วง “โลว์ซีซั่น” ของธุรกิจ ซึ่ง CENTEL ได้ออกโปรโมชั่นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการฯ ดังกล่าวเพื่อเร่งกระตุ้นการตัดสินใจเลือกใช้บริการของประชาชนอีกด้วย

สำหรับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ได้ทยอยเปิดให้บริการในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญเช่นพัทยา, ระยอง ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งยอดผู้พักสุดสัปดาห์สูงมาก และ 1 กรกฎาคมนี้จะเปิดเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง โดยจะเปิดมัลดีฟเป็นแห่งสุดท้ายเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ประเมินว่าไตรมาส 3/2563 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 30% และจะกลับมาสูงขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 4/2563 เฉลี่ย 50% อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทมีอัตราเข้าพักราว 70% ดังนั้นเมื่อประเมินอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 2563 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุน

*AAVเพิ่มความถี่เที่ยวบิน

ด้านนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลเข้ามาให้ความช่วยเหลือธุรกิจสายการบินผ่านแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” ถือเป็นเรื่องดี เพราะ ณ ปัจจุบัน แม้ว่าจะเปิดเส้นทางบินได้ทั่วประเทศแล้ว แต่จำนวนเที่ยวบินยังมีสัดส่วนประมาณ 25% จากการให้บริการปกติ ดังนั้นหากประชาชนมีความต้องการบินภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าทุกสายการบินก็พร้อมที่จะเปิดเที่ยวบินเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว

ขณะที่ปัจจุบันแอร์เอเชียเว็บไซต์มียอดคนเข้าใช้งานเติบโตขึ้น 170% โดยเส้นทางบินที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ โคตาคินาบาลู และกูชิง สู่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กรุงเทพ สู่ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ประเทศไทย มะนิลา สู่ แปร์โตปรินเซซา - ปาลาวัน และ ดาเวา ประเทศฟิลิปปินส์ เดลี สู่ ศรีนาการ์ และเบงกาลูรู สู่ไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย จาการ์ตา สู่บาหลีและเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย

ด้านอัตราการขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยของกลุ่มสายการบิน อยู่ที่ประมาณ 50% โดยแอร์เอเชียมาเลเซีย มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารสูงที่สุดที่ 70%ซึ่งเป็นอัตราการขนส่งสูงที่สุดภายหลังจากการกลับมาให้บริการบิน อย่างไรก็ตามบริษัทเดินหน้าเพิ่มความถี่เที่ยวบิน เปิดให้บริการครบทุกปลายทาง รวมถึงเริ่มเส้นทางบินข้ามภาคในเดือนกรกฎาคม 2563