> SET > AKR

01 กรกฎาคม 2020 เวลา 08:30 น.

AKRหม้อแปลงฟื้นแรง เล็ง3สนามบิน-อู่ตะเภา

ทันหุ้น –สู้โควิด –AKR ชี้ครึ่งหลังปี 2563 ผลงานเด่น ออเดอร์ไหลเข้าหนุนกำลังผลิตเต็มยาวถึงเดือนตุลาคม ลุยประมูลงานหม้อแปลง-โซลาร์รูฟท็อป มูลค่า 2.8 พันล้านบาท อวด Backlog กว่า 1 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ลั่นสนใจเข้าร่วมเสนอราคาหม้อแปลงไฟฟ้าสนามบินอู่ตะเภา-รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เล็งล้างขาดทุนสะสม พร้อมกลับมาจ่ายปันผลปี 2564


นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เปิดเผยว่า เชื่อว่าธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทได้รับงานหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่จากทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ซึ่งในบางโครงการเป็นงานส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีงานเพียงพอไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563


*ประมูลงาน 2.8 พันล.


นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจเข้าประมูลงานโครงการใหม่ๆ มูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท แบ่งออกเป็นงานหม้อแปลงไฟฟ้าจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ มูลค่ารวมราว 500 ล้านบาท งานภาคเอกชน มูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาท และงานการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า 800 ล้านบาท ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโซลาร์รูฟท็อป (EPC) มีงานประมูลประมาณ 800 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าภายในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 จะได้ข้อสรุปจากลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ มูลค่าไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท


“บริษัทสนใจเข้าเสนอราคาหม้อแปลงไฟฟ้าสนามบินอู่ตะเภาที่คาดว่าจะให้หม้อแปลงราวๆ 200 หม้อแปลง ขนาดเท่ากับสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้โครงการการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน ก็ใช้หม้อแปลงด้วย ซึ่งบริษัทก็สนใจเข้าประมูลด้วยเช่นกัน” นายดนุชา กล่าว


ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) กว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นงานหม้อแปลงไฟฟ้า 500 ล้านบาท และงาน EPC ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 เป็นต้นไป ทำให้บริษัทมองว่าผลการดำเนินงานในปี 2563 จะมีการเติบโตต่อเนื่องในทุกไตรมาส และหากว่าบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มก็มีโอกาสที่จะผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปี 2563 เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,688.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.55 ล้านบาท


*เล็งล้างขาดทุนสะสม


อย่างไรก็ตามหากผลการดำเนินงานในปีนี้ยังคงมีการเติบโตที่ดี รวมถึงยังมีผลกำไรที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน และมองว่าสามารถล้างขาดทุนสะสมในส่วนที่ยังคงเหลืออยู่อีกราว 100-130 ล้านบาท ได้ภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าในปีนี้บริษัทอาจยังไม่มีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้ในปี 2564 เป็นต้นไป


พร้อมกันนี้ จากการขยายการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ผ่านการตรวจเช็คสภาพแบบ DGA เพื่อวัดปริมาณก๊าสในหม้อแปลงไฟฟ้าตรวจหาจุดบกพร่องในกระบวนการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนการดูแลรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าต่อปีลงไปได้เป็นจำนวนมาก

โดยในส่วนงานนี้ให้มาร์จิ้นดีและมีโอกาสที่จะขยายการรับงานได้อีกมาก เพราะปัจจุบันมีหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่มากกว่า 2 ล้านลูก และกว่า 170,000 เป็นหม้อแปลงที่ถูกผลิตจากโรงงานของบริษัท เบื้องต้นบริษัทคาดหวังจะได้รับงานดูแลไม่น้อยกว่าเฉลี่ยปีละ 10,000 ลูก เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานได้ในอนาคต ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการขยายการให้บริการในต่างประเทศอีกด้วย เช่น บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และออสเตรเลีย เป็นต้น


ส่วนแผนการลงทุนในปี 2563 บริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนไปในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพทางการผลิตของเครื่องจักรให้เป้นในรูปแบบของออโตเมชั่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการผลิต ประหยัดเวลา สามารถผลิตตามความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น และสามารถผลิตในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นได้ ในขณะที่มีการจ้างบุคลากรเท่าเดิม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทได้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X