เก็งกำไรในกรอบ ลงซื้อ ขึ้นขาย

ภาพที่เห็นของตลาดหุ้นไทยตอนนี้วันไหนจะขึ้นวันไหนจะลงอาศัยการชี้นำจากตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นช่วงนี้ผันผวนแต่ก็ไม่ได้ดูไม่ดีอย่างน้อยดัชนีก็สามารถยืนเหนือระดับ 1300 จุดได้ถึงจะแกว่งตัวบ้างก็ตาม เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามา อีกทั้งยังมีปัจจัยที่คอยกดดันตลาดอยู่ ทั้งเรื่องการระบาดของโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุเกิน 10 ล้านคนไปแล้ว และความกังวลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ภาวะตลาดหุ้นไทยจึงยังเป็นการปรับฐานทดสอบแรงซื้อและแรงขายจนกว่าจะสะเด็ดน้ำ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มทิศทางของตลาดได้อย่างชัดเจนว่าจะเคลื่อนไหวไปทางไหน แม้ต่างชาติยังขายแต่ก็มีกองทุนเข้ามาช้อนรับไว้เช่นกัน เพียงแต่ภาวะโดยรวมของตลาดที่ยังผันผวนไร้ทิศทาง คงต้องใช้ความรอบคอบ ระมัดระวังการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ให้ต้องวิตกกังวล หรือจิตตกกันเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะการลงทุนแนวเก็งกำไร ที่จะต้องอาศัยทักษะ ความสามารถเฉพาะตัวเพื่อดักช่วงชิงเอากำไรกันในช่วงระยะสั้น

เพราะฉะนั้นด้วยภาวะตลาดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ หากจะลงทุนเก็งกำไรก็คงเล่นได้ในกรอบ ลงก็ซื้อขึ้นก็ขาย เล่นรอบจับจังหวะเข้าออกให้ถูกต้อง เพราะตลาดยังคงมีความผันผวนอยู่พอสมควรและที่สำคัญควรเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่มีพื้นฐาน ไม่ใช่หุ้นสร้างหุ้นกระแส หุ้นเขาบอกมา

ส่วนใครที่ต้องการลงทุนระยะยาว ในการค้นมองหาหุ้นแล้วเก็บสะสมเพื่อหวังผลสำเร็จในอนาคตที่ดีนั้น ต้องมองหุ้นที่กิจการมีความสามารถที่จะสร้างการเติบโตได้ดีในอนาคต แต่ราคาหุ้นยังต่ำ มองหาหุ้นที่มีการสร้างผลงานพลิกฟื้นจากที่ก่อนหน้าขาดทุนแล้วกลับมามีกำไรอย่างก้าวกระโดดอราคาหุ้นยังไม่ได้ดีดขึ้นตามและถ้าอนาคตหุ้นที่ว่ายังดีอยู่ตลอดจนแนวโน้มทิศทางของภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้จะฟื้นตัวกลับมา ก็น่าเก็บสะสมหุ้นแล้วถือรอคอย หวังผลที่ในอนาคตได้เช่นกัน

ทิศทางของตลาดขณะนี้ การลงทุนในลักษณะสลับเปลี่ยนตัวหุ้นเล่นกันเป็นรายตัวและคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง เน้นการเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยชี้นำเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2/63 ที่จะออกมาทั้งนี้คงต้องอยู่ที่นักลงทุนครับว่าจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างไร หากทำได้ไม่เพียงแค่จะประคองตัวให้อยู่ในตลาดรอคอยตลาดพลิกกลับมาเท่านั้น บางครั้งอาจจะมีโอกาสที่เข้ามาให้เราได้เก็บเกี่ยวทำกำไรกันในภาวะตลาดที่เป็นอยู่

อย่างไรก็ดี หุ้นทุกๆตัวในตลาดหุ้นนั้นมูลค่าราคาของหุ้นย่อมเป็นไปตามพื้นฐานของหุ้นที่แท้จริงเสมอ หากเราฝึกฝนจนสามารถคัดเลือกหุ้นด้วยการประเมินรู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นในอนาคตได้ ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นทุกครั้ง นักลงทุนจำเป็นต้องมีการทำการบ้านค้นหา เจาะลึกข้อมูลข่าวสารได้อย่างรู้จริงในทุกมิติของหุ้นที่เราสนใจ ได้ด้วยตัวของเราเอง ต้องไม่ลืมครับการลงทุนมีความเสี่ยงหากเราลงทุนโดย ขาดสติ ขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดการประเมินและวิเคราะห์อย่างถูกต้องแล้วการลงทุนของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร

เพราะฉะนั้น ดัชนีตลาดจะมีทิศทางไปทางไหน ล้วนมาจบตรงเรื่องของผลการดำเนินงานในที่สุด เพราะจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้นมีความสามารถที่จะสร้างผลงาน ผลตอบแทนคืนกลับให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างงดงามหรือไม่ หากสามารถทำได้ราคาที่ควรจะเป็นไปตามมูลค่าที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่สามารถทำได้หรือไม่มั่นคงราคาที่เป็นอยู่ก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้เช่นกัน เนื่องราคาหุ้นจะสะท้อนออกมาตามพื้นฐาน มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเสมอไม่ว่าตลาดจะเผชิญภาวะกดดันมากน้อยเพียงใดก็ตาม หากไม่ได้ทำให้พื้นฐานของหุ้นมีการเปลี่ยนแปลง โชคดีครับ