ทันหุ้น –สู้โควิด –GGC รับอานิสงส์ภาครัฐเร่งผลักดัน B10 ในเดือนตุลาคมนี้ หนุนยอดขายเติบโต คาดปริมาณขายเมทิลเอสเทอร์ปีนี้อยู่ที่ ราว 4 แสนตัน ฟากโบรกมองดีมานด์ไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น หนุนให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน B100 เพิ่มขึ้น พร้อมหนุนให้ Margin ของ B100 เพิ่มขึ้นตาม คาดกำไรพุ่งแรง แนะซื้อมองเป้า 11.50 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 ก.ค.63) รับทราบมติการประชุมของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางในการจัดการเรื่อง นโยบายปาร์มน้ำมันให้สอดคล้องกับการใช้งานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการล็อคดาวน์ ทำให้การเดินทางลดน้อยลง การใช้น้อยลงจึงลดลงไป

โดยที่ประชุมได้คาดการณ์ว่า ปี 2563 จะมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลลดลง 8.2% โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายน คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะลดลง จาก 67 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 61-62ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นในที่ประชุมได้มีมติ 5 ข้อ 1.การแต่งตั้งอนุกรรมการและคณะทำงานเพื่อแก้ไข ราคาน้ำปาร์มใน 5 จังหวัด ภาคใต้ ชุมพร สุราษฎ์ธานี กระบี่ พังงาน และนครศรีธรรมราช 2.ให้กระทรวงพลังงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเร่งรัดการจัดซื้อน้ำมันปาร์มดิบที่เหลือจำนวน 37,555 ตัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

*รัฐเร่งสนับสนุนราคาปาร์ม

3.มอบหมายให้กระทรวงพลังงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไปพิจารณาในการจัดซื้อน้ำมันปาร์มดิบส่วนที่สำรองอีก 100,000 ตัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกง หากสถานาการณ์ปัจจุบันยังไม่สามารถดูดซับสต็อคส่วนเกินได้ และราคายังไม่ดีขึ้น

4.มอบให้กระทรวงพลังงานเร่งส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 และเร่งรณรงค์สร้างความเชื่อมั่นในการใช้มัน B10 ให้แก่ผู้บริโภคและค่ายรถยนต์ และสถานีบริการเพื่อให้ปริมาณการใช้น้ำมันดิบรองรับปาร์มที่เพิ่มขึ้นอย่างทันท่วงที 5.ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณ 372 ล้านบาท ให้กรมการค้าภายใน เพื่อติดตั้งเครื่องมือการวัดปริมาณน้ำมันปาร์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อคน้ำมันปาร์ม ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา

*GGC รับอานิสงส์

แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐออกมารับทราบเรื่องของการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันปาร์มนั้น มองเป็นเรื่องที่ดี และเป็นประโยชน์แก่บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตด้วย แม้ล่าสุดความต้องการใช้งานน้ำมันดีเซลจะกลับมากลับในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนแล้ว แต่ก็ต้องเฝ้าติดตามโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง

และต้องติดตามว่าภาครัฐจะมีมาตราการควบคุมอย่างไร แต่ก็เชื่อว่าสัญญาณดังกล่าวน่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวก เพราะภาครัฐเองก็ได้มีการดำเนินการให้เปลี่ยนป้ายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ตู้จ่าย และป้ายโฆษณาต่างๆ ให้เป็นไปตามประกาศ จาก “ดีเซลหมุนเร็ว B10” เป็น “ดีเซล” ในเดือนตุลาคมนี้ แสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจที่จะทำให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศไทยจริงๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีความเชื่อว่าการที่ภาครัฐเดินหน้ามาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันไม่ลดลง โดยยังคาดว่ายอดขายของเมทิลเอสเทอร์ (ME) หรือ B100 ปีนี้จะอยู่ที่ราว 4 แสนตันต่อปี หรือใช้กำลังการผลิตที่ 80%

*เคาะเป้าหมาย 11.50 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง GGC ว่าอุปสงค์ B10 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนมกราคม และพุ่งขึ้นถึง 25% จากเดือนก่อน เป็น 436 ล้านลิตรในเดือนเมษายน มองว่าอุปสงค์ไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่จะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน B100 เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังหนุนให้ Margin ของ B100 เพิ่มขึ้นด้วย

โดยคาดว่ากำไรของ GGC ในปี 2563 จะพุ่งขึ้นถึง 592% เป็น 651 ล้านบาทเนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจไบโอดีเซลดีขึ้น โดยคาดว่ารายได้จากไบโอดีเซลจะโตถึง 55% เป็น 1.44 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ประเมินราคาเป้าหมายครึ่งปีแรกปี 2564  ของ GGC ที่ 11.50 บาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1