ทันหุ้น –สู้โควิด–ACG ชี้มอเตอร์โชว์ดันดีมานด์รถรุ่นใหม่พุ่ง บิ๊กบอส “ภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์” สั่งลุยบริหารสต๊อกลดค่าใช้จ่าย-ภาระดอกเบี้ย แย้มยอดขายต่อหน่วยเพิ่ม ใส่เกียร์ลุยศูนย์บริการ FAST FIT เสริมรายได้เพิ่ม คาดเห็นปีนี้ 3-5 แห่ง ลั่นคืนทุนระยะสั้น

นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG เปิดเผยว่า หลังจบงานมอเตอร์โชว์ คาดความต้องการรถยนต์รุ่นใหม่จะเพิ่มมากขึ้น แต่ซัพลลายจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากโรงงานผลิตรถยนต์ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ปกติ ประกอบกับบริษัทมีโชว์รูมอยู่ต่างจังหวัด หากผู้บริโภคที่ไม่ได้ไปงานมอเตอร์โชว์ หรือไม่ได้อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะกระจายการจองรถ หรือเดินทางเข้ามาชมโปรโมชั่นในโชว์รูม

ขณะที่ปัจจุบันเศรษฐกิจในประเทศ และการส่งออกยังเป็นปัจจัยกดดันต่อทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ทั้งนี้บริษัทประเมินโรงงานผลิตรถยนต์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในปลายปี 2563 ส่วนสถานการณ์ซัพพลายที่มีอยู่อย่างจำกัด บริษัทจะปรับกลยุทธ์และการดำเนินงานให้สอดคล้องกับดีมานด์และซัพพลาย

*บริหารสต็อกลดต้นทุน

อีกทั้งบริษัทจะพยายามบริหารสต็อกให้เพียงพอต่อการขาย รวมถึงการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดีการที่บริษัทมีจำนวนรถในสต็อกที่น้อยลง จะช่วยให้ภาระดอกเบี้ยสต็อกลดลง และการขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้น จาการผลิตรถยนต์ใหม่ที่น้อยลง โดยคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มาร์จิ้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

ด้านแผนการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท ออโตคลิก บาย เอซีจี จำกัด (Autoclik By ACG Co.,Ltd.) เพื่อประกอบให้บริการซ่อมแซม และบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ (FAST FIT) มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว และบริษัทจะพยายามผลักดันการให้บริการเป็นไปตามแผน

*ลุยศูนย์บริการเสริมรายได้

โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะเปิดศูนย์บริการจำนวน 3-5 แห่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นคาดจะใช้งบลงทุน 5-10 ล้านบาทต่อสาขา หรือประมาณ 30-50 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ บริษัทยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ที่จะขยายสาขาให้ครบ 15แห่ง ซึ่งจะพิจารณาตามช่วงเวลาที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งรูปแบบบริการจะแตกต่างจากโชว์รูมทั่วไปคือการซ่อมช่วงล่าง เปลี่ยนยางรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำเครื่อง เป็นต้นไป เมื่อเทียบกับการบริการโชว์รูมทั่วไปคือการซ่อมสี เช็คระยะทั่วไป

“ต่อจากนี้เราคงต้องวางแผนบริหารงานให้ดีกว่าเดิม ทั้งงานขาย งานซ่อมบำรุง หากเราสามารถบริหารงานได้มีโอกาสที่ผลประกอบการทั้งปีจะดีกว่าปีก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องดูปัจจัยภายในประเทศ ภาพรวมเศรษฐกิจ การส่งออก และกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการดำเนินงาน” นายภานุมาศ กล่าว

บริษัทยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะออกมาไม่ติดลบอย่างแน่นอน แม้ว่ารายได้ปีนี้อาจจะไม่ได้เติบโตตามเป้าหมาย 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาครัฐดำเนินนโยบายปิดเมือง (Lock down) ซึ่งรวมถึงจังหวัดภูเก็ตที่เป็นที่ตั้งของสาขาหลักที่สร้างยอดขายส่วนใหญ่ให้กับบริษัท อนึ่ง ไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้ที่ 781.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.78 ล้านบาท