ทันหุ้น –สู้โควิด –TPOLY แววผลงานไตรมาส 3/2563 เด่น เดินหน้าชิงงานโครงการใหญ่กว่า 2 พันล้านบาท มั่นใจแบ็กล็อกสิ้นปีแตะ 4 พันล้านบาท ครึ่งปีหลังบุ๊กรายได้จาก Backlog เฉลี่ย 600 ล้านบาทต่อไตรมาส ด้านธุรกิจไฟฟ้าเตรียม COD 4โครงการในไตรมาส 3/2563 แย้มผลงานปีนี้ทุบสถิติใหม่ คงเป้ารายได้รวมเติบโตปีนี้ตามนัด 10%

นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2563เชื่อว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีกว่าไตรมาสก่อนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เบาบางลง ส่งผลให้กิจกรรมการค้าต่างๆ ภายในประเทศเริ่มทยอยกลับมามากขึ้นรวมถึงการเปิดประมูลงานโครงการใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างกับกรมชลประทาน ภายใต้โครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง (ระยะที่ 2) ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ซึ่งบริษัทจะดำเนินการก่อสร้างคลองระบายน้ำ พร้อมอาคารประกอบ มูลค่าโครงการ 329 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 นี้เป็นต้นไป

*ลุ้นรับงานใหญ่ 2 พันล.

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างโครงการใหม่ทั้งส่วนของภาครัฐและเอกชนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นข่าวดีรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่จากภาคเอกชน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เข้ามาได้เพิ่ม ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันบริษัทรับงานใหม่แล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท (รวมงานคลองลำเลียง) จากเป้าหมายมี Backlog สิ้นปีนี้แตะ 4,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้ารับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปี 2563ไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมี Backlog อยู่ที่ราว 3,800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีการรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือเดิมไปแล้วราว 900 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถส่งมอบงานและรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มรวมกว่า 1,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไม่น้อยกว่าไตรมาสละ 600 ล้านบาท อีกทั้งจากการรับรู้รายได้จากงานใหม่ที่รับเข้ามาเพิ่ม ทำให้มองว่าการเติบโตของรายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังเป็นไปตามเป้าหมาย

*COD โรงไฟฟ้า 48 MW

ด้านธุรกิจไฟฟ้านั้น มองว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2563จะมีการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เนื่องจากจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ได้เพิ่ม จำนวน 4 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งกว่า 48 เมกะวัตต์ (MW) ในเดือนสิงหาคม ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า TPCH 1 ขนาด 10 MW, TPCH 2ขนาด 10 MW, โรงไฟฟ้าปัตตานี ขนาด 23 MW และ TPCH 5 ขนาด 5 MW เป็นต้น

ทั้งนี้เชื่อว่าผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังปี 2563นี้มีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี และสะท้อนต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563นี้ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,855.77 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรในปีนี้นั้นต้องยอมรับว่าค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากมีปัจจัยเชิงลบเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงที่เข้ามากระทบ แต่บริษัทจะรักษาประโยชน์และผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด