> SET >

20 กรกฎาคม 2020 เวลา 09:07 น.

SET เน้นเล่นสั้น-เลือกรายตัว

บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์  SET Index เพิ่มขึ้น 12 จุด (+0.87%) ปิดที่ 1,360 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 4.1 หมื่นล้านบาท นักลงทุนกระจายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มส่งออกอาหาร(ASIAN GFPT) และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์(HANA) ซึ่งได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และมีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่น (SPRC ESSO)ซึ่งคาดว่างบ 2q20 จะพลิกมีกำไรเทียบกับ 1Q20 มีผลขาดทุนจำนวนมาก ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,457  ล้านบาท และ Net Short TFEX 895 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 489 ล้านบาท  


แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ มีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,350 - 1,370 จุด เนื่องจากคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามผลประกอบการ 2Q20 ของกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะหดตัวลงทั้ง QoQ และ YoY รวมถึงความกังวลยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะตลาดจะยังคงมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่มีข่าวรายตัวรวมถึงกลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตเข้ามาช่วยหนุนต่อทิศทางดัชนี 


** ติดตามการประกาศงบ 2Q20 ของกลุ่มธนาคารและไฟแนนท์ที่คาดว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY 


กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy 

- กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT TFG ASIAN) และ กลุ่มอิเล็ค (KCE DELTA HANA SVI) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลง 

- กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น (TOP PTTGC SPRC SCC BGRIM CKP CPF TU TASCO STA STGT SPALI PRM PTL AJ STARK CBG TQM) 


หุ้นแนะนำวันนี้

CPF (ปิด 34 ซื้อ/เป้า 36.25) ทิศทางผลกำไรใน 2Q20 ยังโดดเด่นต่อเนื่องจาก ราคาหมู ไก่ ในประเทศยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหมูในเวียดนามยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง (8 หมื่น -1 แสนดงต่อ ก.ก.) นอกจากนี้ CPF ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนกากถั่วเหลืองที่ลดลงสงผลให้มาร์จิ้นของบริษัทยิ่งเพิ่มขึ้น  


MTC (ปิด 54 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 61) ได้รับผลกระทบจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบ 2 จำกัด (แบงก์ชาติสั่งลดเพดานดอกเบี้ย) เนื่องจาก MTC คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเกณฑ์อยู่แล้ว ภาพรวมสินเชื่อยังเติบโตจากการขยายสาขา ขณะเดียวกันเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ อาทิ เงินเยียวยาโควิด 5,000 บาท ช่วยให้ประชาชนมีเงินหมุน และลดปัญหาหนี้ NPLs 


บทวิเคราะห์วันนี้

CPALL (ปิด 66.75 ซื้อ/เป้า 80), MAKRO (ปิด 43.5 อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมาย), PTTGC (ปิด 47.25 ซื้อ/เป้า 50) 


ประเด็นสำคัญวันนี้ 

(+/-) กลุ่มแบงก์ประกาศงบ 2Q20 คาดกำไรหดตัวทั้ง qoq และ yoy แนะติดตามตัวเลข NPLs : TISCO นำร่องประกาศงบ 2q20 ออกมาแล้วในศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาทลดลง 26%yoy และ 10%qoq ส่วนธนาคารอื่นๆ มีกำหนดประกาศงบออกมาในสัปดาห์นี้ (20 - 21 ก.ค.) 


เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคาร (8 ธนาคาร) ใน 2q20 จะมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาทลดลง 45%yoy และ 36%qoq หลักๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยที่ชะลอตัวตามภาวะสินเชื่อที่หดตัวและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง รายได้ค่าธรรมเนียมลดลงจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและผู้ประกอบการเน้นให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองหนี้ NPLs 


นอกจากนี้กลุ่มธนาคารยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังไม่แน่นอนคือการประกาศตัวเลข NPLs ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตามโดยเฉพาะหากตัวเลข NPLs เร่งตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยลบกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารลดลงได้อีกในสัปดาห์นี้ 


(+/-) ชุมนุมจบเร็ว คาดกระทบการลงทุนจำกัด และเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจไปที่การปรับ ครม.ใหม่มากกว่า : เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการนัดชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม เยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่ม FreeYOUTH เพื่อเสนอข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1)เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา, 2)จัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 3) เลิกคุกคามประชาชน ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้แม้จะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากแต่เป็นการชุมนุมที่ใช้เวลาไม่นานก็ยุติ ทำให้การชุมนุมในครั้งนี้น่าจะส่งผลต่อภาวะการลงทุนค่อนข้างจำกัด 


ตรงกันข้ามเราเชื่อว่านักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การจัดตั้งทีมเศรษฐกิจหรือการปรับ ครม.ใหม่ มากกว่าซึ่งจะมีแรงเก็งกำไรคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทีม ครม.ชุดใหม่ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ ค้าปลีก และ รับเหมาก่อสร้าง 


(+/-) การจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูฯ ในยุโรปยังต้องตามต่อหลังการประชุมกลุ่มผู้นำ EU ยังไม่ได้ข้อสรุปในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว : การประชุมกลุ่มผู้นำ 27 ชาติของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.57 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเริ่มกันประชุมมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันในการจัดตั้งกองทุนได้ เนื่องจากชาติสมาชิกยังมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขในการรับความช่วยเหลือจากกองทุนดังกล่าว 


โดยเฉพาะเงื่อนไขการให้เปล่าโดยไม่ต้องชำระคืนสำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มากที่สุด ซึ่งมีชาติสมาชิกไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขดังกล่าว ความล่าช้าของการจัดตั้งกองทุนอาจจะกดดัน Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปในช่วงบ่ายเว้นแต่ในวันนี้จะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ 


**ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย)ระเมิน SET Index  สัปดาห์นี้เราถือเงินสดไว้ที่ 50% : คาดประเมินกรอบดัชนีฯ 1320-1370 จุด มีความกังวล Covid-19 รอบสองมากขึ้นในหลายๆประเทศ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงชะลอตัวลง ราคาน้ำมันกดดัน รอดูงบธนาคาร และการปรับครม. กลยุทธ์ลงทุน ควรเน้นเล่นสั้น และเวียนกลุ่มเล่นรายวันตามข่าวบวกของหุ้นนั้นๆ 


การติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกแตะ 14 ล้านคน โดยยังไม่ลดระดับลงในหลายๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐฯ-บราซิล-อินเดีย ขณะที่บางประเทศอาจมีรอบสอง (จีน-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น) เรื่องนี้ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลง มีผลกระทบต่อหุ้นที่อิงเศรษฐกิจและ 2 sector หลัก คือ น้ำมัน-ท่องเที่ยว นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์เสี่ยง Flow ไหลออกจากตลาดเอเซีย และอาจทำให้มีการปรับ GDP และกำไรตลาดหุ้นของประเทศต่างๆ (รวมของไทย) นี่คือตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นยังไม่พ้นจากการปรับฐาน


การปรับ ครม. ของไทย ถือว่าไม่ราบรื่นนัก ผู้ที่มีชิ่อเป็นตัวเต็งบางคนปฏิเสธรับตำแหน่ง ก่อนหน้าเราเคยมองเป็นบวกจากโผที่ออกมา(เมื่อ 15 ก.ค.) ทำให้เราต้องกลับไปดูว่า ใครจะนั่งในตำแหน่งใด เพราะจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง (ตลาดจะบวก ถ้าเห็นว่ารัฐมนตรีท่านนั้นจะเข้ามาฟื้นเศรษฐกิจได้จริง (ดูแค่ 3 ตำแหน่งหลัก รองนายกฯเศรษฐกิจ-คลัง-พลังงาน) ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาในช่วงวันหุยุด (18) เรามองว่าไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย 


ค่าเงินบาทปิดวันศุกร์(17) ไปที่ 31.6 บาท/ดอลล่าร์ การอ่อนค่า ส่วนหนึ่งอาจมาจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหรือเศรษฐกิจ


Event สำคัญๆ สัปดาห์นี้ ธนาคารส่งกำไร 2Q เราคาด กำไรจะติดลบ 32% YoY และติดลบ 20.0%QoQ ตลาดประเมินการหดตัวของกำไรไว้ระดับหนึ่งแล้ว ตัวเลขส่งออกของไทย (22) และ PMI ภาคอุตสาหกรรมของอียู(24)


หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์นี้

ตลาดแกว่ง sideway ข่าวลบมีมากกว่าบวก แต่ส่วนใหญ่เป็นตัวแปรต่างประเทศแรงขายหุ้นจึงไม่มาก แต่สัปดาห์นี้ ต้องดูการปรับ ครม. และค่าเงินบาทด้วย (ค่าเงินอ่อนจะไม่ดี) สำหรับ Covid-19 เรามองว่าทำให้ตลาดหุ้นโลกนั้นมี upside ลดลงจากที่เคยคาด การลงทุนจึงเน้นเล่นสั้นๆ  ทำ stock rotation 


หุ้นแนะนำในพอร์ต เรานำ CPALL ออกและเพิ่ม TFG  พอร์ตหลักประกอบด้วย KCE (20%), PTTGC(10%), ORI(10%), TFG* (10%)  ส่วนพอร์ต KTBST SET50 (Skynet) มีหุ้น ADVANC(20%), CBG (20%), CPF(20%), EA* (10%), BEM(10%)


ORI (เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.00 บาท) ราคาหุ้นเด่นกว่าตัวอื่น กำไร 2Q20E จะไม่ชะลอตัวมาก  แนวโน้มกำไร 2Q เราคาด ยอด presales 2Q20 ยังทำได้ดีที่ 6.3 พันล้านบาท (+31% QoQ) และ  90% ของ presales ใน 2Q20 สามารถโอนได้ในปี 2020 นี้ แนวโน้มกำไรที่จะดีขึ้นต่อเนื่องใน 3Q-4Q20E และกลับมาเติบโตได้ในปี 2021E ด้านราคาหุ้นปัจจุบัน valuation ยังต่ำสุดในกลุ่มที่ 2020E PER ที่ 6.5 เท่า ขณะที่ current P/E อยู่ที่ 5.3 เท่า


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X