ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวลดลงอย่างมากและการฟื้นตัวของ อุปสงค์ หลังจากการผ่อนคลายการปิดเมืองทั่วโลกคาดว่าจะหนุนส่วนต่างราคาปิโตรเคมีและกำไรของของบริษัทต่อเนื่องไปใน ไตรมาส 3/63 ความล่าช้าของกำลังการผลิตใหม่น่าจะเป็นอัพไซด์ต่อส่วนต่างราคาและประมาณการกำไร ปัจจุบัน PTTGC ซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่เพียง 0.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.2 เท่า อยู่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับระยะเวลาการลงทุนเป็น ณ สิ้นปี 2564 ที่ราคาเป้าหมาย 55 บาท

คาดกำไรหลักเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/63จากการที่ค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/63 เราจึงคาดว่ากาไรหลักไตรมาส 3/63 ของ PTTGC จะเติบโต QoQในแง่ของ YoY เราคาดว่ากำไรหลักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนโดยส่วนต่างราคาปิโตรเคมี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอเลฟินส์ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาอยู่ในระดับสูงเมื่อไตรมาส 3/62) เราได้สะท้อนคาดการณ์กาไรไตรมาส 2-4/63 และรายการพิเศษในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เข้าไปในประมาณการของเรา ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการปี 2563 เป็นขาดทุนสุทธิที่ 4,081 ล้านบาท (จากกาไรสุทธิ 8,462 ล้านบาท) และปรับลดคาดการณ์กาไรหลักลง 43% มาอยู่ที่ 4,860 ล้านบาท และปรับระยะเวลาการลงทุนเป็น ณ สิ้นปี 2564 ด้วยราคาเป้าหมาย 55 บาท