> SET > PTTGC

22 กรกฎาคม 2020 เวลา 08:00 น.

PTTGCพลิกกำไร1.6พันล. คลายสต๊อกพื้นฐาน58บาท

ทันหุ้น-สู้โควิด : กลับมาแล้ว  PTTGC ไตรมาส 2/2563 โบรกชี้พลิกกำไร 1.69 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกขาดทุน 8.78 พันล้านบาท เหตุขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหนุน มองปีหน้าโตกระโดดกำไร 1.4 หมื่นล้าน  ฟันธงราคาพื้นฐาน 58 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดว่าบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ในไตรมาส 2/2563 จะพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.69 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกที่ขาดทุน เพราะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ทำให้การขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง เทียบกับไตรมาส 1/2563 ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันมากถึง 8.90 พันล้านบาท และยังได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท


ขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีฟื้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ธุรกิจโรงอะโรเมติกส์ เติบโต จากอัตรากำไรที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 170 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาพาราไซลีนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Byproductเพียงพอชดเชยส่วนตต่างราคาเบนซีนที่ลดลงได้


นอกจากนี้มองว่าธุรกิจหลักเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยปัจจุบันซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาส 3/2563 ราคา HDPE อยู่ที่ 890 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่ส่วนต่างราคา HDPE ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 500 เหรียญต่อตัน และความผันผวนของน้ำมันดิบที่เริ่มลดลง อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นที่ล่าช้ากว่าคาด และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่มีผลต่อประมาณการของผลประกอบการปี 2563 นี้


ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ แนะนำให้ซื้อหุ้น PTTGC โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 58 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป


**คาดปีหน้าโตกระโดด


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า PTTGC ในไตรมาส 2/2563 จะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ทำให้กำไรปกติในครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 42% ของคาดการณ์ทั้งปีนี้ ที่ประเมินว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งลดลง 33% จากปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19


อย่างไรก็ตามในปีหน้าจะเห็นการฟื้นตัว โดยมีกำไรอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% ซึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปีนี้ และราคาน้ำมันฟื้นตัว รวมถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านตันในโครงการ PO/Polyol และ ORP ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2563


**ลดกังวลเงินลงทุน 1-2 ปีข้างหน้า


จากการที่ Daelim Industrial ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้าง และผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น 1 ในพันธมิตรของ PTTGC ในโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐ ในสัดส่วน 50:50 ได้ประกาศถอนตัวจากการลงทุน ซึ่ง PTTGCได้เตรียมเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่เพื่อเนหน้าโครงการต่อไป


ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าการเลื่อนโครงการดังกล่าว ทำให้ช่วยลดความกังวลด้านการ write-off ค่าใช้จ่ายการศึกษาโครงการ ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ราว 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าการหาพันธมิตร และข้อสรุปแผนการลงทุนกับพันธมิตรใหม่ จะทำให้เป้าหมายการตัดสินใจลงทุน (FID) ภายในปี 2564 มีความท้าทาย จึงมองว่าความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากจากโครงการนี้ในปี 2564 จะไม่สูงนัก


ทั้งนี้โครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ เป็นการผลิต Ethylene 1.5 ล้านตันต่อปี และ HDPE 1.5 ล้านตันต่อปี ด้วยวัตถุดิบจาก Shale gas เดิมมีแผนจะตัดสินใจลงทุนภายในปี 2564  ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้าฯ  ให้ราคาเป้าหมายของปี 2564 อยู่ที่ 56 บาทต่อหุ้น

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X