ทันหุ้น-สู้โควิด : กลับมาแล้ว PTTGC ไตรมาส 2/2563 โบรกชี้พลิกกำไร 1.69 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกขาดทุน 8.78 พันล้านบาท เหตุขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหนุน มองปีหน้าโตกระโดดกำไร 1.4 หมื่นล้าน ฟันธงราคาพื้นฐาน 58 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดว่าบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ในไตรมาส 2/2563 จะพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.69 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกที่ขาดทุน เพราะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ทำให้การขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง เทียบกับไตรมาส 1/2563 ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันมากถึง 8.90 พันล้านบาท และยังได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท
ขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีฟื้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ธุรกิจโรงอะโรเมติกส์ เติบโต จากอัตรากำไรที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 170 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาพาราไซลีนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Byproductเพียงพอชดเชยส่วนตต่างราคาเบนซีนที่ลดลงได้
นอกจากนี้มองว่าธุรกิจหลักเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยปัจจุบันซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาส 3/2563 ราคา HDPE อยู่ที่ 890 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่ส่วนต่างราคา HDPE ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 500 เหรียญต่อตัน และความผันผวนของน้ำมันดิบที่เริ่มลดลง อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นที่ล่าช้ากว่าคาด และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่มีผลต่อประมาณการของผลประกอบการปี 2563 นี้
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ แนะนำให้ซื้อหุ้น PTTGC โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 58 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
**คาดปีหน้าโตกระโดด
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า PTTGC ในไตรมาส 2/2563 จะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ทำให้กำไรปกติในครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 42% ของคาดการณ์ทั้งปีนี้ ที่ประเมินว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งลดลง 33% จากปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตามในปีหน้าจะเห็นการฟื้นตัว โดยมีกำไรอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% ซึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปีนี้ และราคาน้ำมันฟื้นตัว รวมถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านตันในโครงการ PO/Polyol และ ORP ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2563
**ลดกังวลเงินลงทุน 1-2 ปีข้างหน้า
จากการที่ Daelim Industrial ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้าง และผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น 1 ในพันธมิตรของ PTTGC ในโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐ ในสัดส่วน 50:50 ได้ประกาศถอนตัวจากการลงทุน ซึ่ง PTTGCได้เตรียมเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่เพื่อเนหน้าโครงการต่อไป
ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าการเลื่อนโครงการดังกล่าว ทำให้ช่วยลดความกังวลด้านการ write-off ค่าใช้จ่ายการศึกษาโครงการ ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ราว 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าการหาพันธมิตร และข้อสรุปแผนการลงทุนกับพันธมิตรใหม่ จะทำให้เป้าหมายการตัดสินใจลงทุน (FID) ภายในปี 2564 มีความท้าทาย จึงมองว่าความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากจากโครงการนี้ในปี 2564 จะไม่สูงนัก
ทั้งนี้โครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ เป็นการผลิต Ethylene 1.5 ล้านตันต่อปี และ HDPE 1.5 ล้านตันต่อปี ด้วยวัตถุดิบจาก Shale gas เดิมมีแผนจะตัดสินใจลงทุนภายในปี 2564 ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้าฯ ให้ราคาเป้าหมายของปี 2564 อยู่ที่ 56 บาทต่อหุ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม