ทันหุ้น –สู้โควิด –PRM จับตาผลงานไตรมาส 2/2563 ทุบสถิติใหม่ กำไรเด้งแตะ 427 ล้านบาท โต 51% จากปีก่อน ส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.6 พันล้านบาท โต 27% จากปีก่อน รับอานิสงส์ปรับราคาให้บริการกลุ่มเรือ FSU ขึ้นเฉลี่ย 20% เล็งขยายกองเรือขนาด 3 ล้านลิตรเพิ่มในไตรมาส 3/2563 นี้
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ว่าบริษัทจะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2563 ได้ที่ 427 ล้านบาท ขยายตัว 60% จากไตรมาสก่อน และ 51% จากปีก่อน จะทำได้ดีทุกบรรทัด รายได้คาดทะลุ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และ 27% จากปีก่อน หลักๆ มาจากการปรับราคาให้บริการกลุ่มเรือ FSU ขึ้นเฉลี่ย 20%
ซึ่งด้วยความที่เป็นหน่วยงานที่ให้มาร์จิ้นสูง และมีสัดส่วนรายได้กว่า 47% ของรายได้รวม และคาดจะส่งกำไรขั้นต้นเข้ามาถึง 69% ของภาพรวมไตรมาส 2/63 (vs 62% ไตรมาสก่อน และ 52% ในปี 2562) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีดขึ้นเป็น 37.8% จาก 33.3% ในไตรมาสก่อน และ 31.7% ในปีก่อนอีกด้วย ซึ่งทิศทาง Margin expansion แบบนี้ จะพบในทุกๆ อัตรากำไรของบริษัท โดยเฉพาะอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ที่จะขยายตัวแรงมากเป็น 44.0% จาก 34.6% ปีก่อน อันเนื่องมาจากการได้ประโยชน์จากขนาด (Economies of scale)
*แนะซื้อเป้า 9.30 บาท
หากประมาณการเราถูกต้อง กำไรในครึ่งปีแรก 2563 จะคิดเป็น 56% ของประมาณการทั้งปี ทำให้มีแนวโน้มว่าอาจต้องปรับประมาณการขึ้น อย่างไรก็ดีต้องพิจารณาถึงแผนการปรับกองเรือในครึ่งปีหลัง 2563 ด้วย ซึ่งในเบื้องต้นผู้บริหารเผยถึงแผนการจัดหาเรือ Domestic tanker 1 ลำ และ เรือ FSU 1 ลำ แต่กำลังพิจารณาการปลดระวางเรือ FSO บางลำ โดยเราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ระหว่างนี้
โดยปัจจุบัน PRM ซื้อขายที่ P/E20F 17.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ราว 18% ขณะที่ EPS growth ขยายตัวน่าพอใจ +24% ทำให้สถานะของ PRM ยังคง Undervalue คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9.30 บาทต่อหุ้น อิง DCF (WACC 12.0%, g 2.0%)
*ซื้อเรือขนาด 3 ล้านลิตร
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM เปิดเผยว่า เตรียมรับเรือใหม่ขนาดเล็ก ในประเทศจีน ปัจจุบันแล้วเสร็จและมีกำหนดรับเหลือเป็นที่เรียบร้อยแต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทไม่สามารถไปรับเรือได้ตามกำหนด นอกจากนี้บริษัทยังมองหาการขยายกองเรือเพิ่มเติมโดยคาดว่าจะซื้อเรือจำนวนขนาด 3 ล้านลิตร ในช่วงไตรมาส 3/2563 เพิ่มอีกหนึ่งลำ ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทจะมีเรือใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 2 ลำสนับสนุนให้กองเรือทั้งหมดอยู่ที่ 45 ลำ
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามการเปิดประเทศต่างๆ ว่าจะมีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากในระยะถัดไปมีการเปิดประเทศมากขึ้นก็จะมีการขนส่งน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้เรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป(FSU) ทั้งในและต่างประเทศแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งปัจจุบันอัตรากำลังการผลิตของบริษัทก็เกือบเต็ม 100%
สำหรับรายได้ในปี 2563 บริษัทเชื่อว่าจะเติบโตได้ 10%จากปีก่อน ที่มีรายได้ 5,544.46 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิ์ 1,023.38 ล้านบาท ตามการรับรู้รายได้ของการให้บริการเรือที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องรวมถึงรายได้ของทุกกลุ่มธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนรายได้และกำไร จากการที่ บริษัทการลงทุนใน Big Sea ปัจจุบันบริษัท ถือหุ้นที่หมดสัดส่วน 80%ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมได้หลังจากนี้ บริษัทมีแผนการซื้อหุ้นเพิ่มเติมให้อยู่ในระดับ 100%โดยคาดว่าจะเดินหน้าซื้อหุ้นตามแผนครบทั้งหมดในปี 2564
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม