ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/63 มีกำไร 1,024.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 637.32 ล้านบาท ส่วนรายได้สุทธิในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 10,165 ล้านบาท ลดลง 14.6% 

มาตรการเคอร์ฟิวที่มีผลบังคัยใช้ในแต่ลประเทศ ซึ่งมีระดับความเข้มงวดที่แตกต่างกันได้ส่งผลกระทบด้านลบต่อความต้องการปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ แม้ว่ามาตรการดังกล่าวได้รับการผ่อนปรนอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจสามารถทยอยกลับมาดำเนินการ แต่ความต้องการปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปูนซีเมนต์ยังคงอ่อนตัว 

กลุ่มบริษัทได้ดำเนินการลดต้นทุนในด้านต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด เพื่อให้กลุ่มบริษัทยังคงสามารถสร้างผลกำไร ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนอย่างรุนแรง โดยได้ดำเนินกาปรรับปรุงการบริหารจัดการโรงงานเพื่อลดการชำรุด และซ่อมแซมเครื่องจักรนอกแผนงานและทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงลดลงอย่างมีประสิทธิผล 

นอกจากนี้ จากการที่แนวโน้มราคาพลังงานลดลงได้ส่งผลดีต่อกลุ่มบริษัท โดยต้นทุนในการผลิตและต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง ในขณะที่ต้นทุนในการดำเนินงานคงที่ได้รับการพิจารณาและปรัลดลงให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของธุรกิจ และกลุ่มบริษัทได้ตัดสินใจหยุดดำเนินงานเตาเผาปูนซีเมนต์จำนวนหนึ่งเตาที่โรงงานสระบุรี ในเดือน พ.ย.เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อให้กำลังการผลิตสอดคล้องกับความต้องการที่ลดลงทั้งภูมิภาค 

**กู้เงิน 3 พันล้านบาท

SCCC ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มบริษัทได้ลงนามสัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 3 พันล้านบาท และวงเงินสินเชื่อแบบไม่สามารถยกเลิกได้จำนวน 6 พันล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องทางการเงินในสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ 

**กำไรดีกว่าคาด

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิของ SCCC ในไตรมาส 2/63 จะอยู่ที่ 648 ล้านบาท เพราะไม่มีการตั้งสำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงาน (249 ล้านบาท) ซึ่งหักล้างไปพอดีกับรายได้ที่ลดลงในช่วงที่โควิด-19  ระบาด โดยมองว่าได้รับผลกระทบจาก มาตรการ lockdown ที่บังกลาเทศ และศรีลังกาในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 และธุรกิจการค้า คาดว่าอัตรากำรขั้นต้นจะอยู่ที่ 32.8% เพิ่มขึ้นจาก 32.5% ในไตรมาส 1/63  เนื่องจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของโรงงานในประเทศไทย 

คาดว่ารายได้ Equity income จะลดลงจากไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากราคาถ่านหินที่ต่ำส่งผลกระทบกับผลประกอบการของ Lanna Resources และยอดขายปูนซีเมนต์ในกัมพูชาลดลงจากอุปทานใหม่ เราคาดว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายจะเพิ่มขึ้นจาก 22.4% เป็น 23.3% เพราะมีต้นทุนจากการทำ mothballing (~100 ล้านบาท) ทั้งนี้ หากผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ จะคิดเป็น 46.7% ของประมาณกที่ปรับใหม่ในปีนี้ของเรา นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกปีนี้ ที่ 3 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2.1%

นอกจากนี้คาดว่ากำไรของ SCCC จะกลับมาโต 25.7% ในปีหน้า  เนื่องจาก คาดว่าอุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศจะโต 6.8% จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ อย่างเช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เมืองสนามบินอู่ตะเภา และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก , ธุรกิจในต่างประเทศจะกลับมาโตได้ ทั้งในศรีลังกา , บังกลาเทศ และกัมพูชา 

ยังคงคำแนะนำซื้อ และปรับราคาเป้าหมายเป็นกลางปี 2564 ที่ 209 บาทต่อหุ้น  อิงจาก P/E เฉลี่ยระยะยาวที่ 18.7 เท่า มองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจที่ 4.2% ในปี 2563 และ 5.7% ในปี 2564 โดยผลประกอบการใน ไตรมาส 3/63 มีแนวโน้มจะดีขึ้นเล็กน้อย เทียบกับไตรมาส 2/63 และจะถึงจุดสูงสุดของปีนี้ในไตรมาส 4/63  เนื่องจากไม่มีกำหนดปิดซ่อมบำรุงโรงปูนในประเทศไทย

 ราคาหุ้น SCCC เช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 147.50 บาท บวก 7.50 บาท หรือ 5.36% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 31.15 ล้านบาท 

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1