ทันหุ้น-สู้โควิด-STA ควง STGT ผลงานโดดเด่นครึ่งปีหลัง คงเป้าขายยางธรรมชาติที่ 1.3 ล้านตัน ส่วนถุงมือยางปีนี้ที่ 2.9 หมื่นล้านชื้น เติบโต 15-20% โบรกประเมินกำไร Q2 ของ STA แตะ 660 ล้านบาท โต 144% ครึ่งปีหลังโอกาสกำไรเป็น2เท่าจากครึ่งปีแรก เคาะเป้า 42 บาท ขณะที่ STGTราคาถุงมือพุ่งไม่หยุด มีสิทธิแตะ 41 ดอลลาร์ โอกาสเห็นเป้า 143 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)หรือ STA พบว่าจะมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2563 ในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 โดยรายงานข่าวระบุว่า บริษัทยังคงแผนงานที่วางไว้สำหรับปีนี้คือ คาดว่า ปริมาณการขายยางธรรมชาติจะอยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านตัน เติบโต 7-8% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายที่ 1.1 ล้านตัน
ขณะที่ธุรกิจถุงมือยางวางเป้าหมายการขายไว้ที่ 2.8-2.9 หมื่นล้านชื้น เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีปริมานการขายที่ 1.9 หมื่นล้านชิ้น โดยธุรกิจถุงมือยางได้รับประโยชน์โดยตรงจากอุตสาหกรรมการแทพย์ จากความต้องการใช้งานที่สูงขึ้นมาก คาดว่าความต้องการใช้งานปีนี้จะเติบโตมากกว่าระดับปกติที่ 10-12%
นอกจากนี้ในระยะยาววางแผนขยายกำลังการผลิต ต่อเนื่องราวปีละ 4,000-5,000 ล้านชิ้นต่อปี และคาดว่าจะเพิ่ม
กำลังการผลิตติดตั้งเป็นประมาณ 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 และก้าวสู่ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2575
บริษัทยังได้นำระบบการผลิตสินค้าแบบอัตโมนัติ (Automation) มาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น การเตรียมและผสมวัตถุดิบแบบอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับของเสียด้วยเซ็นเซอร์, ระบบเครื่องถอดถุงมืออัตโนมัติ เป็นต้น
@STAกำไรครึ่งปีหลังเด่น
ขณะที่บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรใน ไตรมาส 2/2563 ของ STA จะออกมาอยู่ที่ 660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% จากปีก่อน จากฐานกำไรที่ต่ำในไตรมาส 2/2562 แต่ลดลง 23% จากไตรมาสก่อนหน้า จากผลการดำเนินงานของธุรกิจยางธรรมชาติที่อ่อนแอลง และคาดว่ายอดขายใน ไตรมาส 2/2563 จะออกมาทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 6% จากไตรมาสก่อนหน้า จากมาตรการปิดเมือง (lockdown) ทั่วโลก
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/2563 น่าจะออกมาอยู่ที่ 14% ปรับตัวดีขึ้นจาก 10% ไตรมาส 2/2562 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/2563 น่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากคาดว่าอัตรากําไรข้ัน ต้นของธุรกิจถุงมือยางที่คาดว่าจะสูงขึ้นใน ไตรมาส 2/2563 จะถูกบันทอนลงจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงของธุรกิจยางธรรมชาติ จากราคาต้นทุนวัตถุดิบในประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือน พฤษภาคม 2563 -20 มิถุนายน 2563
ทั้งนี้คาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากครึ่งปีแรก โดยกำไรในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบสองเท่า จากกําไรในช่วงครึ่งปีแรก ปัจจัยขับเคลื่อนที่สําคัญจะมาจาก ผลการดำเนินงานของธุรกิจยางธรรมชาติที่ปรับตัวดีขึ้นจากราคาวัตถุดิบในประเทศที่เริ่มปรับตัวลดลงจากปริมาณผลผลิตในตลาดที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และ ส่วนแบ่งกำไรจำนวนมากจาก STGT จากราคาขายเฉลี่ยที่พุ่งขึ้น ประเมินราคาเหมาะสมที่ 42 บาท
@ปม STGT เป้าไกล 143บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง STGT ว่า คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้จะสูงขึ้นจาก ราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และจะต่อเนื่องไปถึงปี 2564 โดยคาดการณ์ ราคาขายเฉลี่ยของ STGT จะเป็น 29.2 ดอลลาร์ต่อสหรัฐต่อ 1,000 ชิ้นในปี 2563 และ 39.6 ดอลลาร์ต่อสหรัฐต่อ 1,000 ชิ้นในปี 2564 เพิ่มขึ้น
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสมติฐานราคาปัจจุบันที่ 25.9 ดอลลาร์ต่อสหรัฐ ต่อ1,000 ชิ้นและ 30.2 ดอลลาร์ต่อสหรัฐ ต่อ 1,000 ชิ้นสำหรับปี2563-2564 ด้วยเหตุนี้จึงคาดการณ์กำไรสุทธิของ STGT เป็น 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2563 และ 3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2563
ยังคงคำแนะนำซื้อและราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 111 บาท โดยประเมินว่าหาก STGT มีราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยที่สูงขึ้น average selling prices (ASP) ก็จะเป็นอัพไซด์ต่อการประเมินกำไรสุทธิใหม่ ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะสูงกว่าประมาณการณ์ โดยหากยึดค่าเฉลี่ย ASP เป็น 2564 ที่ 41 ดอลลาร์ต่อสหรัฐต่อ 1,000 ชิ้นเทียบกับ 30.2 ดอลลาร์ต่อสหรัฐต่อ 1,000 ชิ้น จะมีเป้าหมายราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 143 บาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม