> mai > MGT

04 สิงหาคม 2020 เวลา 09:20 น.

MGTปลื้มออเดอร์พุ่งขึ้น รุกต่างแดน-ยิลด์สูง6.9%

ทันหุ้น – สู้โควิด - MGTออเดอร์เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 10% เชื่อไตรมาส 3/63 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ด้านบิ๊กบอส “วิทยา อินาลา” เดินหน้าร่วมทุนพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น ลุยโครงการผลิตกราไฟต์ แย้มบริษัทย่อยกวาดยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า ฟากโบรกส่อง Dividend Yield สูง 6.9% แนะนำ "ซื้อ" ให้เป้า 2.66 บาท


ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT เปิดเผยว่า คาดทิศทางธุรกิจในไตรมาส 3/2563 จะกลับมาเติบโตในระดับปกติ ซึ่งดูจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)ในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม เพราะโรงงานขนาดใหญ่ ทั้งโรงงานจากนักลงทุนต่างชาติ และโรงงานในประเทศ เริ่มเปิดดำเนินการตามปกติ ส่งผลให้บริษัทเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวได้ชัดเจน โดยเดือนมิถุนายนถือเป็นเดือนที่มีออเดอร์ต่ำที่สุด และเริ่มฟื้นตัวกลับมาในเดือนกรกฎาคม


เดินหน้าร่วมทุน


ขณะที่แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทยังดำเนินงานตามแผน ทั้งการดำเนินงานขายสินค้า และการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น ขณะเดียวกันบริษัทจะเจรจา และเดินหน้าผลักดันแผนการร่วมมือโครงการผลิตกราไฟต์ และบริษัทยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทได้ข้อสรุป MGT มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 49% ส่วนที่เหลือคือพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น 51% อย่างไรก็ตามช่วงระยะเวลาในการดำเนินงานอาจล่าช้าออกไป เนื่องจากครึ่งปีแรก ประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้พาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นไม่สามารถเดินทางมาเจรจารายละเอียดการร่วมมือได้


สำหรับแนวโน้มผลประกอบการรวมในปีนี้ บริษัทคาดยอดขายอาจจะลดลงเล็กน้อย จากเดิมตั้งเป้า 950 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่คาดอัตราการทำกำไรยังเติบโตได้ดี เนื่องจากบริษัทมียอดขายจากบริษัทย่อย หรือบริษัท เมกาเคมพลัส เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าเอทานอลจากต่างประเทศ เข้ามาจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันความต้องการใช้เอทานอลเพื่อนำมาเป็นส่วนผสมเจลล้างมือ สเปรย์ฆ่าเชื้อมีความต้องการมาก ทั้งนี้บริษัท เมกาเคมพลัสคาดปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 2 เท่าตัว และมาร์จิ้นสูง เมื่อเทียบกับการขายสินค้าอื่นๆ อนึ่ง 3 เดือนแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 198.51 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.86 ล้านบาท


ปีนี้โตต่อเนื่อง


ด้านบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2563 ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Heat transfer เพื่อขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ตลาดน้ำมันสังเคราะห์ และรุกขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยความคืบหน้าของโครงการผลิตกราไฟต์กับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น (MGT ถือหุ้น 49%) คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในครึ่งปีหลังปี 2563 (ยังไม่รวมในประมาณการ)


สำหรับประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้สินค้าจากประเทศจีนหายไปจากตลาดค่อนข้างมาก จึงมีการติดต่อเพื่อใช้สินค้าของบริษัทมากขึ้น โดยบริษัทได้นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซียทดแทนสินค้าจากจีน คาดรายได้ปี 2563 ที่ระดับ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนและคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 เท่ากับ 75.6 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน


MGT ได้พยายามแสวงหาการเติบโตในตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลยุทธ์ร่วมทุนกับต่างประเทศเป็นหลัก ประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 14 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 2.66 บาท โดยมี Upside จากปัจจุบันราว 84.7% พร้อมคาด Dividend Yield ปี 2563 ราว 6.9% คงคำแนะนำ "ซื้อ"

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X