ทันหุ้น –สู้โควิด –IIG ผู้บุกเบิกวงการซอฟแวร์ พร้อมเทรดวันนี้ (6 ส.ค.63) ในราคา IPO ที่ 6.60 บาท ผู้บริหารย้ำพื้นฐานแกร่ง ชี้ทุกธุรกิจเติบโตสูงตามโลกใหม่ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี อวดผลงานไตรมาสแรกปี 2563 กำไรพุ่งกระฉูด 557.69% ที่ 10 .26 ล้านบาท มีรายได้รวม 109.86 ล้านบาท โต 112.86%

นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน)หรือ IIG เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (6 ส.ค.63)ในราคา 6.60 บาทต่อหุ้นจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และประสบการ์ในธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้ IIG แข็งแกร่งพร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต

โดยธุรกิจของบริษัทหลักคือ ซอฟแวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า CRM สัดส่วน 55% ธุรกิจ ERP 37% ธุรกิจจัดหาบุคลากรสัดส่วน 7-8% ส่วนธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพิ่งเริ่มปลายปีทีผ่านมาสัดส่วนรายได้ราว 1% แต่แนวโน้มการเติบโตจะสูงมาก

ทั้งนี้จากการที่ธุรกิจ CRM ขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ เป็นโมเดลการเช่าใช้ซอฟแวร์รายปี ตราบใดที่ต้องใช้ซอฟแวร์จะต้องจ่ายค่าเช่ารายปี และหากมีจำนวนผู้ใช้งานมากขึ้นค่าเช่าใช้ก็จะสูงขึ้น ดังนั้นจึงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดโลกจะโต 17% แต่ในส่วนของ saleforce มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 25-27%

ส่วนธุรกิจ ERPก็จะรับรู้รายได้จากการขายซอฟแวร์แบบสำเร็จ รวมไปถึงจะมีรายได้รายปีเนื่องจากขึ้นไปอยู่บนคลาวด์เช่นกัน ดังนั้นธุรกิจ ERP เป็น New S curve เพราะรายได้จาก ERP ที่เป็นคลาวด์เติบโตทุกปี

ด้านธุรกิจดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง จะเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการที่ลูกค้าไปอยู่บน “โซเชียล เน็ตเวิร์ค” ซึ่งบริษัทมีซอฟแวร์สามารถที่จะเข้าถึงลูกค้า และถึงขั้นการปิดยอดขายได้ เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงมาก

*โค้งแรกกำไรพุ่ง 557.69%

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 557.69% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.56 ล้านบาท มีรายได้รวมที่ 109.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.86% จากช่วงดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 51.61 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการให้ใช้ใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำนวน 42.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยุ่ที่ 26.87 ล้านบาท, รายได้จากการให้บริการ จำนวน 63.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 24.04 ล้านบาท, รายได้จากการขายสิทธิในการใช้ใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำนวน 4.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 0.69 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปี 2560-2562บริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ 50.26% อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 28.31% และ อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 11.42% แสดงให้เห็นถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินจากการเสนอขายหุ้น IPO จะนำไปใช้เพื่อ 1.พัฒนาและเพิ่มศูนย์พัฒนาซอฟต์แวร์ (Development Center) ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย 2.ก่อตั้ง Innovation Lab ในการวิจัยและพัฒนาแอปพลิเคชันของบริษัท และ3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งโครงการต่าง ๆ ในอนาคตของบริษัท จะช่วยรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างความเป็นเลิศในการเป็นบริษัทที่ปรึกษาในฐานะ End-to-End Solution Provider แก่ผู้ประกอบการให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลและเติบโตได้อย่างแท้จริง

*ชูปันผล 50% ของกำไร

พร้อมกันนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีนิติบุคคลและจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทและบริษัทย่อยอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างจากนโยบายที่กำหนด ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียน และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต