ทันหุ้น-สู้โควิด : หุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ลบ 4.17% หลังประกาศงบไตรมาส 2/63 ลดลง 48.73% เนื่องจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้านโบรกเกอร์คาดผลประกอบการไตรมาส 3/63 มีโอกาสชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น 

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SUPER อยู่ที่ 0.92 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 4.17% โดยระหว่างวันราคาลงมาต่ำสุดที่ 0.89 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 270.39 ล้านบาท 

SUPER แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/63 มีกำไร 148.36 ล้านบาท ลดลง 48.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 289.36 ล้านบาท โดยรายได้รวมอยู่ที่ 1,592.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.76% ซึ่งสาเหตุมาจากรายได้จากการขายมีจำนวน 1,545.88 ล้านบาทลดลง 0.80% เพราะการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม เพิ่มขึ้น 236.30 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อ มิ.ย.2562 , รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะเพิ่มขึ้น 20.08 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากการขายน้ำประปาและน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศลดลง 231.25 ล้านบาท เป็นการลดลงจากการขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 19 โครงการรวม 118 เมกะวัตต์ไปยังกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF รวมถึงบริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 152.96 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 142.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,382.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการแปลงค่าเงินให้กู้ยืมไปยังบริษัทอื่นในต่างประเทศ และการเกิดสภาวะค่าเงินบาทผันผวนส่งผลให้เกิดผลต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมาก 

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SUPER  เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือปีนี้ของกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการต่าง ๆ  ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 550 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอย COD ภายใน ธ.ค. 2563  จะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯในปีนี้จะเติบโตประมาณ 15 -20 % มีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ารวมทะลุ 1,200 เมกะวัตต์ได้อย่างแน่นอนภายในสิ้นปีนี้

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า  กำไรไตรมาส 2/63 ของ SUPER ที่ลดลง เพราะบริษัทมีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 153 ล้านบาท จากที่กำไรราว 336 ล้านบาท ใน

ไตรมาสแรกปีนี้  รวมทั้งผลของการปรับใช้ TFRS 15 อีกราว 66 ล้านบาท  ส่งผลให้กำไรปกติในไตรมาส 2/63  ลดลงจากไตรมาสแรกปีนี้ แต่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน  ที่ 358 ล้านบาท

แย่กว่าที่หยวนต้าฯ คาดที่ 413 ล้านบาท หรือราว 13%

นอกจากนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของ SUPER จะอยู่ที่ 250 ล้านบาทบวกลบ ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  แม้รายได้บางส่วนจะหายไปจากการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยบางส่วนเข้ากองทุน SUPEREIF แต่ก็ได้ชดเชยจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 6 โครงการ

ขณะที่กำไรปกติในไตรมาส 4/63  มีโอกาสเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจากการที่กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม อีก 3 โครงการ รวมขนาด 550 MW (490MWe) ที่จะทยอย SCOD ก่อนกำหนดภายในเดือน ต.ค. 63 

ฝ่ายวิจัยหยวนต้า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 1.47 บาทต่อหุ้น มี Upside gain สูงถึง 53.1% มี Upside จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม โครงการ Loc Ning 4 ขนาด 50 MW ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1