ทันหุ้น-สู้โควิด-GULFเตรียมประกาศงบไตรมาส2/63 วันที่ 11 ส.ค. โบรกคาดกำไรสุทธิแตะ 1.8 พันล้านบาท โต 539% จากไตรมาสก่อน กำไรหลักคาด 1พันล้านบาท ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563-64 ขึ้นอีก 4.2% และ 30.4% สะท้อนต้นทุนก๊าซ SPP ที่ลดลง หลังเพิ่มทุนโอกาสโตสูง ให้เป้า 38.25 บาท ฟากผู้บริหาร”อัพเป้ารายได้ ปีนี้เป็นเติบโต 14-15%ปีหน้าแตะ5.5หมื่นล้านบาทปี 68 แตะ 1.5 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ในวันที่ 11 สิงหาคม 2563 โดย บริษัท หลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิใน ไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 1.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 539.0% จากไตรมาสก่อนหน้า จากที่ขาดทุนสุทธิ 413 ล้านบาทใน ไตรมาส 1/2563 โดยเป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 850 ล้านบาท

สำหรับกำไรจากธุรกิจหลัก จะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ลดลง 2.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 4.3%จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า จะมาจาก weighting factor ที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP และต้นทุนก๊าซที่ลดลงของโรงไฟฟ้า SPPในขณะที่ไฟฟ้าที่จ่ายให้กับ กฟผ. สามารถชดเชยปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม (IU) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลดลง

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในครึ่งปีแรก 2563 จะคิดเป็น 45.3% ของประมาณการกำไรปีนี้ที่ปรับใหม่

@ต้นทุนก๊าซลดลง

นอกจากนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563-64 ขึ้นอีก 4.2% และ 30.4% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนก๊าซของ SPP ที่ลดลง และการรวมโครงการพลังงานลม Borkum ในเยอรมนี เข้ามาอยู่ในงบรวมของ GULF ซึ่งคาดว่าจะรวมงบเต็มปีในปี 2564

อีกทั้ง มีโอกาสจะเติบโตแบบ inorganic ได้หลังเพิ่มทุน โดยคาดว่าสัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนของ GULF จะลดลงจาก 2 เท่า เหลือ 1.4 เท่า ในขณะที่เม็ดเงินที่ระดมได้จากการเพิ่มทุน (3.2 หมื่นล้านบาท) จะถูกนำไปใช้เพื่อ ลงทุนในโครงการใหม่ ๆ (ที่เวียดนาม หรือ พลังงานหมุนเวียนในสหรัฐ ฯลฯ) และ ชำระหนี้ ซึ่งจำทำให้ GULF มีโอกาสก่อหนี้เพื่อลงทุนเพิ่มได้อีกถึง 8หมื่นล้านบาท กว่าจะถึงเพดานตามนโยบายภายในของบริษัทที่ 3เท่า

คงคำแนะนำซื้อ GULF และให้ราคาเป้าหมาย DCF ครึ่งปีแรก ที่ 38.25 บาท โดยได้รวมผลจาก dilution ที่เกิดกับ EPS จากการเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว (กำหนดขึ้น XR วันที่ 6 สิงหาคม 2563) ทั้งนี้ คาดว่า GULF จะเข้าร่วมกับ consortium ที่มี BTS เป็นแกนนำในการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก

@ขายหุ้นกู้ใน2สัปดาห์นี้

ด้านนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่าบริษัทยังเดินหน้าในการศึกษาการลงทุนโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่เปิดดำเนินการแล้ว ซึ่งบริษัทมีการศึกษาในหลายประเทศ ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเวียดนามเป็นต้น เพื่อสนับสนุนการเติบโต อย่างไรก็ดีคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 14-15 % จากปีก่อนที่ทำได้ 3.3 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 5.5 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.5 แสนล้านบาท ปี 2568 เติบโตอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ และการลงทุนโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้วงเงินประมาณ 8,000 ถึง 10,000 ล้านบาทโดยจะจำหน่ายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนไฮเน็ตเวิร์ค  ภายใน 2 สัปดาห์นี้ หวังนำเงินรีไฟแนนซ์ เงินกู้ระยะสั้น(Bridging Loans) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 465 เมกะวัตต์ในประเทศเยอรมนีที่บริษัทมีการเข้าลงทุนไปก่อนหน้านี้ โดยบริษัทได้มีการทำธุรกรรมCross Currency Swap(CCS)เพื่อเปลี่ยนดอกเบี้ยจาก(สกุลเงินบาท) ไปเป็นสกุลยูโร (EUR) ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลง โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงินหลังทำ ccs จะอยู่ที่ ประมาณ 2%ส่วนอายุของหุ้นกู้จะมีทั้ง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10ปี